พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กทอ.) พร้อมด้วยนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กทอ.) ครั้งที่ 2/2558 โดย พล.อ.อนันตพร ยืนยันว่า จะมีการบริหารจัดการเงินกองทุนให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด และเน้นการประเมินผลการทำงานอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558-2579 ซึ่งกระทรวงจะนำแผนดังกล่าวเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยใช้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผน โดยเน้นการส่งเสริมและอนุรักษ์พลังงานทดแทน
ทั้งนี้ กทอ.ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ.2559 รวม 149 โครงการ ในวงเงินรวม 10,152 ล้านบาท โดยนำไปใช้ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 94 โครงการ วงเงิน 8,146 ล้านบาท เน้นการสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประหยัดพลังงานเป็นกรณีพิเศษ เช่น โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในลักษณะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เน้นช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายกลุ่ม และการสนับสนุนแบบให้เปล่า ช่วยเหลือการลงทุนของเอสเอ็มอี ประเภท 70:30 คือ เอสเอ็มอีออกเงินเองร้อยละ 70 และเงินกองทุนช่วยเหลือในมาตรการที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนออกให้อีกร้อยละ 30 คาดว่าเข้าถึงเอสเอ็มอีต้นแบบ 600 ราย และมีเงินสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐเปลี่ยนอุปกรณ์ เช่น การเปลี่ยนหลอด LED จำนวน 3 แสนหลอด หรือเป็นเงินทุนเปลี่ยนเป็นแอร์อินเวอเตอร์สำหรับอาคารควบคุมของรัฐ 607 โครงการ
นอกจากนี้ จะนำไปใช้ในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 50 โครงการ วงเงิน 1,855 ล้านบาท เน้นการให้สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น โครงการสนับสนุนแบบให้เปล่า 70:30 สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการเปลี่ยนหัวเผาจากหัวเผาน้ำมันเตา หรือ LPG มาเป็นหัวเผาชีวมวล คาดว่าเข้าเอสเอ็มอีต้นแบบประมาณ 100 ราย และโครงการนำร่องใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ คาดว่าจะทดลองในระดับการทำงานจริงในปี 2559 โดยมีปริมาณน้ำมันไบโอดีเซล B20 (ผสมพิเศษ) ที่มาทดลองจำนวน 28 ล้านลิตร วงเงิน 110 ล้านบาท รวมถึงแผนบริหารกลยุทธ์ วงเงิน 150 ล้านบาท
โดยรวมงบประมาณ 10,152 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะลงสู่ภาคเศรษฐกิจในการสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี เจ้าของรถบรรทุก ระบบลอจิสติกส์สามารถมีเงินทุนและเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และหันมาใช้พลังงานทดแทนในสัดส่วนที่สูงขึ้น เงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน เงินทั้งสิ้น 41,753.87 ล้านบาท แต่มีเงินผูกพันงบประมาณ 24,192 ล้านบาท โดยสรุปเงินกองทุนคงเหลือ 17,562 ล้านบาท
ด้านนายอารีพงศ์ กล่าวว่า การจัดสรรเงินกองทุนฯ ประจำปี 2559 เน้นด้านการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีแผนงานที่ชัดเจน และการส่งเสริมให้ผ่านเอกชนเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ ทางกระทรวงมีแผนจะลดการใช้พลังงานจากน้ำมันและถ่านหิน และหันไปใช้พลังงานทดแทนจากการเกษตร พลังงานน้ำ ลม หรือไฟฟ้า ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนจากชีวมวล มุ่งเน้นส่งการเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับภาคเกษตรด้วย
ทั้งนี้ กทอ.ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ.2559 รวม 149 โครงการ ในวงเงินรวม 10,152 ล้านบาท โดยนำไปใช้ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 94 โครงการ วงเงิน 8,146 ล้านบาท เน้นการสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประหยัดพลังงานเป็นกรณีพิเศษ เช่น โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในลักษณะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เน้นช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายกลุ่ม และการสนับสนุนแบบให้เปล่า ช่วยเหลือการลงทุนของเอสเอ็มอี ประเภท 70:30 คือ เอสเอ็มอีออกเงินเองร้อยละ 70 และเงินกองทุนช่วยเหลือในมาตรการที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนออกให้อีกร้อยละ 30 คาดว่าเข้าถึงเอสเอ็มอีต้นแบบ 600 ราย และมีเงินสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐเปลี่ยนอุปกรณ์ เช่น การเปลี่ยนหลอด LED จำนวน 3 แสนหลอด หรือเป็นเงินทุนเปลี่ยนเป็นแอร์อินเวอเตอร์สำหรับอาคารควบคุมของรัฐ 607 โครงการ
นอกจากนี้ จะนำไปใช้ในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 50 โครงการ วงเงิน 1,855 ล้านบาท เน้นการให้สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น โครงการสนับสนุนแบบให้เปล่า 70:30 สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการเปลี่ยนหัวเผาจากหัวเผาน้ำมันเตา หรือ LPG มาเป็นหัวเผาชีวมวล คาดว่าเข้าเอสเอ็มอีต้นแบบประมาณ 100 ราย และโครงการนำร่องใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ คาดว่าจะทดลองในระดับการทำงานจริงในปี 2559 โดยมีปริมาณน้ำมันไบโอดีเซล B20 (ผสมพิเศษ) ที่มาทดลองจำนวน 28 ล้านลิตร วงเงิน 110 ล้านบาท รวมถึงแผนบริหารกลยุทธ์ วงเงิน 150 ล้านบาท
โดยรวมงบประมาณ 10,152 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะลงสู่ภาคเศรษฐกิจในการสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี เจ้าของรถบรรทุก ระบบลอจิสติกส์สามารถมีเงินทุนและเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และหันมาใช้พลังงานทดแทนในสัดส่วนที่สูงขึ้น เงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน เงินทั้งสิ้น 41,753.87 ล้านบาท แต่มีเงินผูกพันงบประมาณ 24,192 ล้านบาท โดยสรุปเงินกองทุนคงเหลือ 17,562 ล้านบาท
ด้านนายอารีพงศ์ กล่าวว่า การจัดสรรเงินกองทุนฯ ประจำปี 2559 เน้นด้านการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีแผนงานที่ชัดเจน และการส่งเสริมให้ผ่านเอกชนเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ ทางกระทรวงมีแผนจะลดการใช้พลังงานจากน้ำมันและถ่านหิน และหันไปใช้พลังงานทดแทนจากการเกษตร พลังงานน้ำ ลม หรือไฟฟ้า ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนจากชีวมวล มุ่งเน้นส่งการเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับภาคเกษตรด้วย