ASTV ผู้จัดการรายวัน - PAE เตรียมขอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนเสนอขายหุ้นแกผู้ถือหุ้นเดิม 1,039 ล้านบาท ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ หวังพลิกฟื้นวิกฤตส่วนเงินทุนติดลบ 8 ล้านบาท ลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือ 1:1 จาก 18:1 เท่า ย้ำความมั่นใจหลังเพิ่มทุนสำเร็จพร้อมเดินหน้าทำธุรกิจ Oil&Gas เหตุ โอกาสเติบโตสูง แนวโน้มผลดำเนินงานจะดีขึ้น “อุไรรัตน์ บุญอากาศ” วอน ผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 10,000 รายช่วยกันใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่แทนต้องใช้แผนสำรองนำหุ้นส่วนที่เหลือจากการใช้สิทธิออกขายแบบ PP
บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PAE ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจประกอบชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็กท่อเพื่อใช้กับธุรกิจ Oil&Gas และงานบริการซ่อมบำรุง เปิดแถลงแผนระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (PO) จำนวน 6,926 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2.5 หุ้น ราคา 0.15 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทตั้งเป้ามูลค่าเงินระดมทุนใหม่นี้จะมีมูลค่าทั้งสิ้น 1,039 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะใช้เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เงินทุนส่วนของผู้ถือหุ้นที่ยังติดลบ 8 ล้านบาท รวมทั้งยังจะนำไปใช้เพื่อลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทด้วยการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้การค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการดำเนินกิจการ นอกเหนือจากจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ขยายธุรกิจ Oil&Gas ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะนำไปลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัทในอนาคต โดย PAE จะเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนการเพิ่มทุนใหม่ในวันที่ 30 ตุลาคม 2558
นางอุไรรัตน์ บุญอากาศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PAE ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจประกอบชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็กท่อเพื่อใช้กับธุรกิจ Oil&Gas และงานบริการซ่อมบำรุง กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจว่า ในปัจจุบัน PAE ได้เดินหน้าการดำเนินธุรกิจเดิมเป็นหลัก แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาของปี 2558 จึงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น
โดยคาดว่าในอนาคตธุรกิจ Oil&Gas ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียนจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากพลังงานน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเลียม ยังถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อภาคการผลิตต่างๆ ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายใหญ่ในตลาดยังจำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อขยายการผลิต ขุดเจาะ รวมถึงความจำเป็นในเรื่องการปรับปรุง ซ่อมแซม และเพิ่มบุคลากร ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของ PAE ด้วย เนื่องจากธุรกิจ Oil&Gas ถือได้ว่ามีผู้ประกอบการน้อยรายที่ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่ และกลุ่มภาคการผลิตต่างๆ
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลก และธุรกิจพลังงานในปีนี้จะชะลอตัวลงก็ตาม แต่นางอุไรรัตน์ย้ำว่า PAE ยังคงได้รับการติดต่อ เพื่อขยายบริการจากลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของโครงสร้าง ซ่อมบำรุง และการจัดหาบุคลากร นอกจากนี้ PAE ยังมีแผนเข้ารับงานใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศ และในกลุ่มประเทศ AEC ที่คาดว่าธุรกิจพลังงานจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยสำคัญของทุกภาคการผลิตที่ต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง
ประธานกรรมการบริหาร PAE ได้กล่าวตอนท้ายว่า การเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นเดิมนั้นจะช่วยให้ PAE สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และหากเป็นไปตามแผนแล้วบริษัทจะได้ไม่ต้องใช้ทางเลือกในการขายหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจากการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมให้แก่นักลงทุนแบบจำเพาะเจาะจง (PP) เนื่องจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งตัวผู้ถือหุ้นเดิม ที่มี 10,000 ราย และของบริษัท PAE ที่จะทำให้พวกเรารอดไปด้วยกัน โดยที่บริษัทจะไม่ต้องถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสั่งเพิกถอนหุ้น PAE ออกจากตลาดฯ และเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ด้านนายรัฐชัย ภิชยภูมิ กรรมการบริหาร PAE ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ธุรกิจ Oil&Gas จะมีแนวโน้มอนาคตจะขยายตัวได้ดี เนื่องจากในปัจจุบันยังมีลูกค้าอีกหลายกลุ่มที่ยังคงต้องการให้ PAE เพิ่มงานบริการ แต่เนื่องจาก PAE มีข้อจำกัดด้านการลงทุน จึงมีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเพื่อนำไปใช้ปรับปรุงโรงประกอบ และเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือ และเครื่องจักรรองรับการให้บริการที่จะมีเพิ่มขึ้น
อีกทั้ง ยังจะใช้เพื่อขยายการให้บริการไปสู่กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องซ่อมบำรุงระบบเชื้อเพลิงในโรงงาน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากร โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้ บมจ. พีเออี เทคนิคอล เซอร์วิส ซี่งเป็นบริษัทลูกที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ PAE และดำเนินธุรกิจให้บริการตรวจสอบแบบไม่ทำลาย และการออกใบรับรองคุณภาพ โดย PAE เชื่อว่าจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทแม่ได้อย่างต่อเนื่อง
นายรัฐชัย ยังได้กล่าวถึงการเตรียมแผนสนับสนุนความสำเร็จในการขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ของ PAE เผื่อไว้ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทอาจไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนว่าบริษัทได้เคยเจรจาทาบทามกลุ่มร่วมกับนักลงทุนที่เป็นทั้งสถาบันการเงิน และบุคคลธรรมดาไว้ล่วงหน้าแล้วเพื่อให้เข้าซื้อหุ้นแทนจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่ผู้ถือหุ้นเดิมได้ปฏิเสธการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ PAE ส่วนการขายหุ้น PP ให้แก่นักลงทุนกลุ่มสถาบัน และกลุ่มบุคคลทั่วไปจะมีจำนวนเท่าใดนั้นยังกำหนดไม่ได้แน่นอน เนื่องจากเป้าหมายของ PAE ยังคงเน้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมเป็นหลัก และยังต้องทำงานหนัก เพื่อให้ผู้ถือหุ้นเห็นด้วยกับแผนธุรกิจ และแผนเพิ่มทุนของ PAE
นอกจากนี้ กรรมการบริหาร PAE ได้กล่าวถึงรายได้ของบริษัทในรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้ มีทั้งสิ้น 300 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 9 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิยังคงติดลบ 56 ล้านบาท โดยหนี้สินรวมในปัจจุบันของ PAE จะมีทั้งสิ้น 1,100 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 18:1 เท่า แต่จะลดลงเหลือ 1:1 เท่าหลัง PAE ขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่แล้ว
แม้กรรมการบริหาร PAE จะย้ำว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีหลังการเพิ่มทุนนั้นจะดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่สามารถระบุถึงตัวเลขความเปลี่ยนแปลงที่แน่ชัดได้ในเวลานี้