“บี.กริม.พาวเวอร์” คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงไตรมาส 2/59 เพื่อระดมทุน 1 หมื่นล้าน เผยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับที่ปรึกษาทางการเงินทั้งใน และต่างประเทศ
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัทรัพย์ฯ คาดว่าจะสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในช่วงไตรมาส 2/59 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และสรรหาที่ปรึกษาทางการเงินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทเบื้องต้นคาดว่า จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap) ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ จำนวนกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในไทย และต่างประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมราว 1 แสนล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าทุกประเภทในปี 62 จำนวน 5,000 เมกะวัตต์ ตามแผน 5 ปี (58-62)
ปัจจุบัน บริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้า ซึ่งมีกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า SPP รวมทั้งสิ้น 2,200 เมกะวัตต์ สามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้แล้ว จำนวน 1,200 เมกะวัตต์ และอีก 1,000 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างอื่น เช่น พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ โดยในส่วนของพลังงานน้ำ บริษัทเล็งเห็นศักยภาพของประเทศลาวที่จะสามารถผลิตเป็นไฟฟ้าได้ 97.5 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของรายได้รวมเฉลี่ยปีละ 21% โดยในปี 57 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2 พันล้านบาท
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัทรัพย์ฯ คาดว่าจะสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในช่วงไตรมาส 2/59 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และสรรหาที่ปรึกษาทางการเงินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทเบื้องต้นคาดว่า จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap) ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ จำนวนกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในไทย และต่างประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมราว 1 แสนล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าทุกประเภทในปี 62 จำนวน 5,000 เมกะวัตต์ ตามแผน 5 ปี (58-62)
ปัจจุบัน บริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้า ซึ่งมีกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า SPP รวมทั้งสิ้น 2,200 เมกะวัตต์ สามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้แล้ว จำนวน 1,200 เมกะวัตต์ และอีก 1,000 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างอื่น เช่น พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ โดยในส่วนของพลังงานน้ำ บริษัทเล็งเห็นศักยภาพของประเทศลาวที่จะสามารถผลิตเป็นไฟฟ้าได้ 97.5 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของรายได้รวมเฉลี่ยปีละ 21% โดยในปี 57 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2 พันล้านบาท