วันนี้ (10 ต.ค.2558) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี และลพบุรี หากไม่มีฝนตกเพิ่มก็จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่และวัสดุอุปกรณ์ไปช่วยเหลือประชาชน พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
ทั้งนี้หลายพื้นที่มีปริมาณฝนสะสมมากอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ โดย 21 จังหวัดในภาคเหนือและภาคอีสานเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ไปจนถึงวันที่ 12 ต.ค.นี้
ส่วน 10 จังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันออก เฝ้าระวังฝนตกสะสมจนถึงวันนี้ ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ในช่วงวันที่ 10–11 ตุลาคมนี้ โดยมีจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงแยกเป็นภาคกลาง 2 จังหวัด คือ จ.สระบุรี และลพบุรี ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตราด ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตก ชายฝั่งทะเล หากอยู่ในสภาพไม่ปลอดภัย ให้พิจารณาแก้ไข และสั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวชั่วคราว กรณีหากเกิดสถานการณ์รุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที ชาวเรือและชาวประมงควรระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้หลายพื้นที่มีปริมาณฝนสะสมมากอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ โดย 21 จังหวัดในภาคเหนือและภาคอีสานเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ไปจนถึงวันที่ 12 ต.ค.นี้
ส่วน 10 จังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันออก เฝ้าระวังฝนตกสะสมจนถึงวันนี้ ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ในช่วงวันที่ 10–11 ตุลาคมนี้ โดยมีจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงแยกเป็นภาคกลาง 2 จังหวัด คือ จ.สระบุรี และลพบุรี ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตราด ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตก ชายฝั่งทะเล หากอยู่ในสภาพไม่ปลอดภัย ให้พิจารณาแก้ไข และสั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวชั่วคราว กรณีหากเกิดสถานการณ์รุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที ชาวเรือและชาวประมงควรระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
