พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ ณ วันที่ 18 กันยายน 2558 ว่า ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล จันทบุรี และนครนายก โดยมีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร และชลบุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย จึงได้สั่งกำชับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานจังหวัดปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน พร้อมให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และรักษาความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก อีกทั้งเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังไปยังพื้นที่รองรับน้ำ หรือผันน้ำสู่แหล่งกักเก็บน้ำ รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำบนพื้นผิวจราจรและที่ลุ่มต่ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนเร่งสำรวจ ประเมินความเสียหาย และจัดทำบัญชีพื้นที่ประสบภัย เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ประสานแก้ไขสิ่งสาธารณูปโภค และสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 15 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล ตาก จันทบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตรัง ฉะเชิงเทรา และนครนายก สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 5 จังหวัดได้ แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตรัง ตาก และฉะเชิงเทรา ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล จันทบุรี และนครนายก ซึ่งมีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร และชลบุรี
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ภัยและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค จัดที่พักอาศัยชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยให้สามารถดำเนินชีวิตในช่วงที่เกิดภัยได้ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน จนถึงปัจจุบัน ทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 15 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล ตาก จันทบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตรัง ฉะเชิงเทรา และนครนายก สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 5 จังหวัดได้ แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตรัง ตาก และฉะเชิงเทรา ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล จันทบุรี และนครนายก ซึ่งมีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร และชลบุรี
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ภัยและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค จัดที่พักอาศัยชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยให้สามารถดำเนินชีวิตในช่วงที่เกิดภัยได้ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง