น.ส.วรรณสิริ โมลากุล รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวเตรียมของบบประมาณ 200 ล้านบาท จากสำนักงบประมาณ เพื่อนำมาใช้จัดตั้งกองทุนคืนเงินถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มาใช้สถานที่ในประเทศไทย พร้อมกับจะจัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเกณฑ์การให้เงินคืนเพื่อมาดูแลงบประมาณดังกล่าว โดยหากสำนักงบประมาณสามารถอนุมัติงบได้ภายในปี 2560 คาดว่าจะทำให้ในปี 2561-2562 มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้ามาใช้ประเทศไทยถ่ายทำมากขึ้น และจะทำให้รายได้จากการถ่ายทำทะลุถึง 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอหลักเกณฑ์การผลักดันเรื่องการคืนเงินถ่ายทำภาพยนตร์เข้าคณะรัฐมนตรีไป เบื้องต้นได้ผ่านในหลักการและจะต้องไปหารือต่อกับสำนักงบประมาณ โดยกรมฯ ได้เสนอแนวคิดกับสำนักงบประมาณไปว่า จะคืนเงินให้ร้อยละ 15 ภายใต้เงื่อนไขว่ากองถ่ายทำจะต้องนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายอย่างถูกต้องจริงๆ มาแสดงอย่างชัดเจน ซึ่งกรมฯ จะใช้คณะกรรมการกลั่นกรองที่ตั้งขึ้นมาเป็นผู้ดูแลตรวจสอบ นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มให้อีกร้อยละ 5 สำหรับกองถ่ายที่ทำการถ่ายทำล่วงหน้าในเมืองไทย
จากนี้ กรมฯ ต้องเข้าไปพูดคุยกับสำนักงบประมาณเพื่อเสนอเงินทุน 200 ล้านบาท เตรียมไว้สำหรับการคืนเงิน และเสนอเกณฑ์การอนุมัติว่าจะพิจารณาแบบให้เงินคืนแบบใด ซึ่งจริงๆ แล้วมองว่า การให้กองถ่ายทำแสดงใบเสร็จเป็นทางเลือกที่ดี เพราะกรมสรรพากรก็จะเห็นการใช้จ่ายจริงๆ ผ่านใบเสร็จ อะไรที่เคยไม่ชัดเจน อะไรที่เคยอยู่ใต้โต๊ะ และมีการหลบเลี่ยงภาษี ก็จะต้องทำให้ถูกต้องด้วย
น.ส.วรรณสิริ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแข่งขันการใช้พื้นที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ในปัจจุบันสูงมาก โดยผู้สร้างภาพยนตร์จะพิจารณาใช้สถานที่เฉพาะประเทศที่มีมาตรการจูงใจเท่านั้น เช่น มาเลเซีย มีมาตรการคืนเงินทุนการสร้างภาพยนตร์ให้กับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศร้อยละ 30 นิวซีแลนด์ร้อยละ 15 และแอฟริกาใต้ร้อยละ 25 เป็นต้น
ทั้งนี้ จากที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอหลักเกณฑ์การผลักดันเรื่องการคืนเงินถ่ายทำภาพยนตร์เข้าคณะรัฐมนตรีไป เบื้องต้นได้ผ่านในหลักการและจะต้องไปหารือต่อกับสำนักงบประมาณ โดยกรมฯ ได้เสนอแนวคิดกับสำนักงบประมาณไปว่า จะคืนเงินให้ร้อยละ 15 ภายใต้เงื่อนไขว่ากองถ่ายทำจะต้องนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายอย่างถูกต้องจริงๆ มาแสดงอย่างชัดเจน ซึ่งกรมฯ จะใช้คณะกรรมการกลั่นกรองที่ตั้งขึ้นมาเป็นผู้ดูแลตรวจสอบ นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มให้อีกร้อยละ 5 สำหรับกองถ่ายที่ทำการถ่ายทำล่วงหน้าในเมืองไทย
จากนี้ กรมฯ ต้องเข้าไปพูดคุยกับสำนักงบประมาณเพื่อเสนอเงินทุน 200 ล้านบาท เตรียมไว้สำหรับการคืนเงิน และเสนอเกณฑ์การอนุมัติว่าจะพิจารณาแบบให้เงินคืนแบบใด ซึ่งจริงๆ แล้วมองว่า การให้กองถ่ายทำแสดงใบเสร็จเป็นทางเลือกที่ดี เพราะกรมสรรพากรก็จะเห็นการใช้จ่ายจริงๆ ผ่านใบเสร็จ อะไรที่เคยไม่ชัดเจน อะไรที่เคยอยู่ใต้โต๊ะ และมีการหลบเลี่ยงภาษี ก็จะต้องทำให้ถูกต้องด้วย
น.ส.วรรณสิริ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแข่งขันการใช้พื้นที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ในปัจจุบันสูงมาก โดยผู้สร้างภาพยนตร์จะพิจารณาใช้สถานที่เฉพาะประเทศที่มีมาตรการจูงใจเท่านั้น เช่น มาเลเซีย มีมาตรการคืนเงินทุนการสร้างภาพยนตร์ให้กับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศร้อยละ 30 นิวซีแลนด์ร้อยละ 15 และแอฟริกาใต้ร้อยละ 25 เป็นต้น