ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด และยังได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเฟดส่งผลให้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 17 ก.ย. แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 65.21 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 16674.74 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 5.11 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 1990.20 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 4.71 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 4893.95 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลมากขึ้นว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐจะกระทบต่อเศรษฐกิจในอเมริกา
ส่วนประเด็นอัตราดอกเบี้ยนั้น เฟดระบุว่า ในการตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดนั้น เฟดต้องการที่จะเห็นว่าตลาดแรงงานมีการปรับตัวดีขึ้นอีก และมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
อย่างไรก็ตาม นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดกล่าวว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟด 13 จาก 17 มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นจำนวน 1 ครั้งก่อนสิ้นปี แต่ในการคาดการณ์ครั้งก่อน เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปกว่า 2.5 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ ภายหลังจากมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 46.9 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 67 เซนต์ ปิดที่ 49.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 2.56 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 455.9 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 54.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังปรับตัวลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลมากขึ้นว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐจะกระทบต่อเศรษฐกิจในอเมริกา
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ โดยปกติแล้วตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะสิ้นสุดลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,117 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 0.18%
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย และนักลงทุนบางส่วนได้เทขายสัญญาทองคำก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 17 ก.ย. แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 65.21 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 16674.74 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 5.11 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 1990.20 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 4.71 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 4893.95 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลมากขึ้นว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐจะกระทบต่อเศรษฐกิจในอเมริกา
ส่วนประเด็นอัตราดอกเบี้ยนั้น เฟดระบุว่า ในการตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดนั้น เฟดต้องการที่จะเห็นว่าตลาดแรงงานมีการปรับตัวดีขึ้นอีก และมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
อย่างไรก็ตาม นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดกล่าวว่าเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนยังคงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟด 13 จาก 17 มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นจำนวน 1 ครั้งก่อนสิ้นปี แต่ในการคาดการณ์ครั้งก่อน เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปกว่า 2.5 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ ภายหลังจากมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 46.9 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 67 เซนต์ ปิดที่ 49.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 2.56 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 455.9 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 54.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังปรับตัวลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลมากขึ้นว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐจะกระทบต่อเศรษฐกิจในอเมริกา
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ โดยปกติแล้วตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะสิ้นสุดลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,117 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 0.18%
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย และนักลงทุนบางส่วนได้เทขายสัญญาทองคำก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟด