นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินการคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้นำรายงานสรุปข้อเสนอการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจต่อผู้บริหารส่วนราชการ นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ ภาคเอกชน เพื่อนำไปขับเคลื่อนต่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม หลังจากศึกษาแนวทางปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน การรักษาวินัยการคลัง การป้องกันใช้นโยบายประชานิยมด้วยการเสนอแก้ไขประมวลรัษฎากร ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากโครงสร้างภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันรายได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ได้รับการยกเว้นรายได้ 150,000 -3,000,000 บาท เสียภาษีร้อยละ 5 รายได้ 3-4 ล้านบาทต่อปี เสียภาษีร้อยละ 10 สำหรับเพดานภาษี 4 ล้านบาท ใช้เป็นฐานการคำนวณมาเป็นเวลา 23 ปี ตั้งแต่ปี 2535 แต่ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมาเป็นเวลานาน จึงเสนอปรับเพดานจาก 4 ล้านบาท เพิ่มเป็น 10-15 ล้านบาท แม้ทำให้ผู้เสียภาษีน้อยลง แต่กลับทำให้ผู้มีรายได้เข้าสู่ระบบฐานภาษีมากขึ้นกว่าเดิม
รวมทั้งการเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการใช้จ่ายงบประมาณพัฒนาท้องที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีองค์กรจัดเก็บภาษีทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ลดการจัดสรรเงินจากรัฐบาลกลาง รวมทั้งสนับสนุนให้จัดเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สิน ทั้งภาษีมรดก ซึ่งขณะนี้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว รอให้ผลบังคับใช้อีก 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเสนอให้ตั้งคณะกรรมการภาษีอากรระดับชาติ เพื่อทำหน้าที่เสนอปรับปรุงระบบภาษีของประเทศ ด้านการเงิน เสนอให้ปฏิรูปกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกำหนดให้มีระบบบัญชีสาธารณะ (PSA) เพื่อจัดตั้งงบประมาณชดเชยกรณีแบงก์รัฐได้รับความเสียหายจากกรณีดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมสหกรณ์ออมทรัพย์ให้เป็นองค์กรอิสระ เพื่อดูแลสหรกณ์ออมทรัพย์และสหรกรณ์เครดิตยูเนียน ซึ่งกำลังเติบโตอย่างมากในปัจจุบันและไม่ให้มีปัญหาเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพื่อดูแลระบบสหกรณ์เหมือนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ ธปท.
รวมทั้งการเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บภาษีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการใช้จ่ายงบประมาณพัฒนาท้องที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีองค์กรจัดเก็บภาษีทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ลดการจัดสรรเงินจากรัฐบาลกลาง รวมทั้งสนับสนุนให้จัดเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สิน ทั้งภาษีมรดก ซึ่งขณะนี้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว รอให้ผลบังคับใช้อีก 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเสนอให้ตั้งคณะกรรมการภาษีอากรระดับชาติ เพื่อทำหน้าที่เสนอปรับปรุงระบบภาษีของประเทศ ด้านการเงิน เสนอให้ปฏิรูปกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกำหนดให้มีระบบบัญชีสาธารณะ (PSA) เพื่อจัดตั้งงบประมาณชดเชยกรณีแบงก์รัฐได้รับความเสียหายจากกรณีดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมสหกรณ์ออมทรัพย์ให้เป็นองค์กรอิสระ เพื่อดูแลสหรกณ์ออมทรัพย์และสหรกรณ์เครดิตยูเนียน ซึ่งกำลังเติบโตอย่างมากในปัจจุบันและไม่ให้มีปัญหาเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพื่อดูแลระบบสหกรณ์เหมือนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ ธปท.
