ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เปิดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีชัยชนะเหนือญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ย.) ด้วยการสวนสนามของกองทหารหลายหมื่นคน พร้อมโชว์รถถัง ขีปนาวุธ และเครื่องบินล้ำสมัย ยืนยันแสนยานุภาพอันเกรียงไกร ขณะเดียวกัน ผู้นำแดนมังกรยังใช้โอกาสนี้ประกาศลดกำลังทหารลง 300,000 คน เพื่อแสดงความจริงใจว่า ปักกิ่งไม่มีแผนคุกคามหรือขยายอิทธิพลครอบงำอย่างที่หลายประเทศกังวล
สี เป็นประธานเปิดงานด้วยการปราศรัยจากประตูเทียนอันเหมินกลางกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางสักขีพยานที่ประกอบไปด้วยบรรดาผู้นำทั้งในอดีตและปัจจุบันของจีน รวมทั้งประมุขต่างแดน อาทิ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย, ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยแห่งเกาหลีใต้, บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ และประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา ผู้นำแอฟริกาใต้ ที่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม “บริก” กลุ่มประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ของโลก
ประมุของแดนมังกรประกาศว่า ประสบการณ์จากสงครามทำให้ผู้คนเห็นค่าของสันติภาพมากขึ้น พร้อมย้ำว่า จีนจะไม่ใช้อำนาจครอบงำประเทศอื่น รวมทั้งจะไม่ก่อโศกนาฏกรรมกับชาติอื่นเหมือนที่จีนเคยถูกกระทำในอดีต
เพื่อตอกย้ำจุดยืนดังกล่าว สีประกาศว่า จะลดกำลังทหารลง 300,000 คน จากกำลังพลในกองทัพที่มีอยู่ 2.3 ล้านคนขณะนี้ อย่างไรก็ดี สื่อมวลชนฝ่ายตะวันตกกระแนะกระแนหว่า ถึงอย่างไรจีนยังคงเป็นประเทศที่มีกำลังทหารมากที่สุดของโลกต่อไปเช่นเดิม และการลดขนาดกองทัพครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่เทคโนโลยีการทหารมีความก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งลดทอนความจำเป็นในการใช้กองกำลังอาวุธที่มีกำลังพลจำนวนมาก
หลังจบคำปราศรัยของสี มีการยิงสลุต 70 นัด และทหารกว่า 12,000 คนเริ่มต้นพิธีสวนสนามซึ่งกินเวลานานราว 90 นาที ขณะที่เครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดแสดงการบินผาดแผลงบนฟ้า นอกจากแถวทหารเหล่าต่างๆ แล้ว ยังตามด้วยการโชว์อาวุธยุทโธปกรณ์ 500 ชิ้น และเครื่องบิน 200 รุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่การทหารระบุว่า เป็นเทคโนโลยีการทหารที่ล้ำยุคที่สุดของจีนที่บุคคลภายนอกไม่เคยเห็นมาก่อน
ทั้งนี้ ยุทโธปกรณ์ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ ระบบขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านเรือ ดีเอฟ-21ดี ที่สามารถจมเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ของอเมริกาได้สบายๆ ในนัดเดียว จึงสร้างความกังวลต่อเพนตากอนเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหารของอเมริกัน ในกรณีที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือฐานทัพเรืออเมริกันในเอเชียถูกโจมตี
สี เป็นประธานเปิดงานด้วยการปราศรัยจากประตูเทียนอันเหมินกลางกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางสักขีพยานที่ประกอบไปด้วยบรรดาผู้นำทั้งในอดีตและปัจจุบันของจีน รวมทั้งประมุขต่างแดน อาทิ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย, ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยแห่งเกาหลีใต้, บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ และประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา ผู้นำแอฟริกาใต้ ที่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม “บริก” กลุ่มประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ของโลก
ประมุของแดนมังกรประกาศว่า ประสบการณ์จากสงครามทำให้ผู้คนเห็นค่าของสันติภาพมากขึ้น พร้อมย้ำว่า จีนจะไม่ใช้อำนาจครอบงำประเทศอื่น รวมทั้งจะไม่ก่อโศกนาฏกรรมกับชาติอื่นเหมือนที่จีนเคยถูกกระทำในอดีต
เพื่อตอกย้ำจุดยืนดังกล่าว สีประกาศว่า จะลดกำลังทหารลง 300,000 คน จากกำลังพลในกองทัพที่มีอยู่ 2.3 ล้านคนขณะนี้ อย่างไรก็ดี สื่อมวลชนฝ่ายตะวันตกกระแนะกระแนหว่า ถึงอย่างไรจีนยังคงเป็นประเทศที่มีกำลังทหารมากที่สุดของโลกต่อไปเช่นเดิม และการลดขนาดกองทัพครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่เทคโนโลยีการทหารมีความก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งลดทอนความจำเป็นในการใช้กองกำลังอาวุธที่มีกำลังพลจำนวนมาก
หลังจบคำปราศรัยของสี มีการยิงสลุต 70 นัด และทหารกว่า 12,000 คนเริ่มต้นพิธีสวนสนามซึ่งกินเวลานานราว 90 นาที ขณะที่เครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดแสดงการบินผาดแผลงบนฟ้า นอกจากแถวทหารเหล่าต่างๆ แล้ว ยังตามด้วยการโชว์อาวุธยุทโธปกรณ์ 500 ชิ้น และเครื่องบิน 200 รุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่การทหารระบุว่า เป็นเทคโนโลยีการทหารที่ล้ำยุคที่สุดของจีนที่บุคคลภายนอกไม่เคยเห็นมาก่อน
ทั้งนี้ ยุทโธปกรณ์ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ ระบบขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านเรือ ดีเอฟ-21ดี ที่สามารถจมเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ของอเมริกาได้สบายๆ ในนัดเดียว จึงสร้างความกังวลต่อเพนตากอนเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหารของอเมริกัน ในกรณีที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือฐานทัพเรืออเมริกันในเอเชียถูกโจมตี
