ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 2.7 หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 โดยเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลง เนื่องจากวันแม่ปีนี้ไม่ได้มีวันหยุดยาวติดต่อกันสี่วันเหมือนกับปีที่ผ่านมา เม็ดเงินจากการพาคุณแม่ท่องเที่ยวจึงลดลง อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินจากการประกอบกิจกรรมอื่นๆ ยังคงขยายตัว จึงส่งผลให้ภาพรวมของเม็ดเงินค่าใช้จ่ายในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ ยังสามารถเติบโตได้และสะพัดไปสู่ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ส่วนกิจกรรมยอดนิยมอันดับ 1 คือเลือกรับประทานอาหารร่วมกับคุณแม่ รองลงมา เป็นการมอบพวงมาลัยหรือดอกไม้ การซื้อของขวัญ และการพาไปท่องเที่ยว สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้านคิดเป็นมูลค่า 1,180 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.4 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่คนกรุงเทพฯ ไม่ลดงบประมาณในการรับประทานอาหารนอกบ้านในช่วงเทศกาลวันแม่ลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารต่างแข่งขันเพื่อช่วงชิงลูกค้าในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดโปรโมชั่นเฉพาะในช่วงเทศกาลวันแม่ การจัดเมนูพิเศษให้บริการเฉพาะในช่วงเทศกาลวันแม่เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารก็ควรเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือในด้านต่างๆ ควบคู่กันไปโดยเฉพาะ การให้บริการสำหรับลูกค้าที่จะกระจุกตัวกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ขีดความสามารถในการให้บริการของร้านอาหารแต่ละร้านเป็นไปอย่างจำกัดส่งผลให้ผู้ประกอบการอาจให้บริการลูกค้าได้อย่างไม่ทั่วถึงและสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้อย่างเต็มที่
ส่วนการใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศมูลค่า 920 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.2 เป็นผลมาจากไม่ได้มีวันหยุดยาว ซึ่งไม่เอื้อต่อการท่องเที่ยวปลายทางไกลๆ ส่วนพวงมาลัยหรือดอกไม้คิดเป็นมูลค่า 470 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 9.3 โดยในกลุ่มที่มีรายได้ระดับบนจะมอบพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ ซึ่งมีราคาหลักร้อยบาทขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมาจะมอบพวงมาลัยดอกมะลิขนาดกลางซึ่งมีราคาไม่เกิน 100 บาท
ขณะที่การซื้อของขวัญมีมูลค่า 130 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.3 โดยกลุ่มที่มีรายได้ระดับบน ซื้อของขวัญกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับมูลค่าสูง เช่น เพชร ทอง เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมาจะซื้อของขวัญกลุ่มเสื้อผ้าสินค้าแฟชั่น และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ สามารถใช้โอกาสในช่วงเทศกาลวันแม่จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายสอดคล้องกับรายได้และพฤติกรรมของลูกค้า
นอกจากนี้ คนกรุงเทพฯ ก็ยังมีการแสดงความรักต่อคุณแม่ในรูปแบบการชักชวนคุณแม่ออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพเช่น การเข้าร่วมกิจกรรม "ปั่นเพื่อแม่" การเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ เป็นต้น รวมถึงการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร เช่น โปรแกรมแชต วิดีโอคอล สำหรับการพูดคุยและบอกรักคุณแม่มากขึ้น
ส่วนกิจกรรมยอดนิยมอันดับ 1 คือเลือกรับประทานอาหารร่วมกับคุณแม่ รองลงมา เป็นการมอบพวงมาลัยหรือดอกไม้ การซื้อของขวัญ และการพาไปท่องเที่ยว สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้านคิดเป็นมูลค่า 1,180 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.4 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่คนกรุงเทพฯ ไม่ลดงบประมาณในการรับประทานอาหารนอกบ้านในช่วงเทศกาลวันแม่ลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารต่างแข่งขันเพื่อช่วงชิงลูกค้าในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดโปรโมชั่นเฉพาะในช่วงเทศกาลวันแม่ การจัดเมนูพิเศษให้บริการเฉพาะในช่วงเทศกาลวันแม่เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารก็ควรเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือในด้านต่างๆ ควบคู่กันไปโดยเฉพาะ การให้บริการสำหรับลูกค้าที่จะกระจุกตัวกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ขีดความสามารถในการให้บริการของร้านอาหารแต่ละร้านเป็นไปอย่างจำกัดส่งผลให้ผู้ประกอบการอาจให้บริการลูกค้าได้อย่างไม่ทั่วถึงและสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้อย่างเต็มที่
ส่วนการใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศมูลค่า 920 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.2 เป็นผลมาจากไม่ได้มีวันหยุดยาว ซึ่งไม่เอื้อต่อการท่องเที่ยวปลายทางไกลๆ ส่วนพวงมาลัยหรือดอกไม้คิดเป็นมูลค่า 470 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 9.3 โดยในกลุ่มที่มีรายได้ระดับบนจะมอบพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ ซึ่งมีราคาหลักร้อยบาทขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมาจะมอบพวงมาลัยดอกมะลิขนาดกลางซึ่งมีราคาไม่เกิน 100 บาท
ขณะที่การซื้อของขวัญมีมูลค่า 130 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.3 โดยกลุ่มที่มีรายได้ระดับบน ซื้อของขวัญกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับมูลค่าสูง เช่น เพชร ทอง เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมาจะซื้อของขวัญกลุ่มเสื้อผ้าสินค้าแฟชั่น และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ สามารถใช้โอกาสในช่วงเทศกาลวันแม่จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายสอดคล้องกับรายได้และพฤติกรรมของลูกค้า
นอกจากนี้ คนกรุงเทพฯ ก็ยังมีการแสดงความรักต่อคุณแม่ในรูปแบบการชักชวนคุณแม่ออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพเช่น การเข้าร่วมกิจกรรม "ปั่นเพื่อแม่" การเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ เป็นต้น รวมถึงการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร เช่น โปรแกรมแชต วิดีโอคอล สำหรับการพูดคุยและบอกรักคุณแม่มากขึ้น