นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าได้เปิดชี้แจงการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 5/58 ปริมาณ 668,228 ตัน มูลค่า 9,571 ล้านบาท ใน 82 คลัง แบ่งเป็นอยู่ในคลังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) 72 คลัง และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) 10 คลัง ใน 29 จังหวัด โดยได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจดูสภาพข้าวในคลังได้ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-7 สิงหาคมนี้ และเปิดให้ผู้สนใจยื่นซองตรวจสอบคุณสมบัติวันที่ 10 สิงหาคม และจะประกาศคุณสมบัติและเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 11 สิงหาคมนี้
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่า มีการกดราคารับซื้อข้าวในช่วงก่อนการเปิดประมูลข้าวสารของรัฐบาลนั้น ยืนยันว่าการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลไม่มีผลทำให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำ แต่ราคาที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เป็นผลจากกลไกตลาดมากกว่า เพราะราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากความกังวลในเรื่องของ ภัยแล้ง แต่เมื่อฝนตกหนักขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น ราคาข้าวในตลาดจึงลดลง ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรการขึ้นลงของราคาจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวเสื่อมคุณภาพนั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบเชื้อราตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกระบวนการได้เริ่มไปแล้ว แต่ด้วยปริมาณข้าวที่มีจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายจะเร่งทำงานเพื่อนำข้าวส่วนนี้มาเปิดระบายโดยเร็วที่สุด เพราะหากทราบว่าข้าวดังกล่าวมีเชื้อราหรือไม่ก็จะสามารถวางแผนระบายไปสู่ อุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่า มีการกดราคารับซื้อข้าวในช่วงก่อนการเปิดประมูลข้าวสารของรัฐบาลนั้น ยืนยันว่าการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลไม่มีผลทำให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำ แต่ราคาที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เป็นผลจากกลไกตลาดมากกว่า เพราะราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากความกังวลในเรื่องของ ภัยแล้ง แต่เมื่อฝนตกหนักขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น ราคาข้าวในตลาดจึงลดลง ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรการขึ้นลงของราคาจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวเสื่อมคุณภาพนั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบเชื้อราตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกระบวนการได้เริ่มไปแล้ว แต่ด้วยปริมาณข้าวที่มีจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายจะเร่งทำงานเพื่อนำข้าวส่วนนี้มาเปิดระบายโดยเร็วที่สุด เพราะหากทราบว่าข้าวดังกล่าวมีเชื้อราหรือไม่ก็จะสามารถวางแผนระบายไปสู่ อุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง
