นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยกรณีเนื้อหาบางตอนในทิป รีพอร์ต ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยโดยตรง ระบุว่าไทยแก้ไขปัญหาสัญชาติและการดูแลชนกลุ่มน้อย (Hill tribes)ได้ดีในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการลดความเสี่ยงในการค้ามนุษย์ แต่การแก้ไขปัญหาสัญชาติเกิดขึ้นจากการตระหนักหรือความเข้าใจที่ดีเฉพาะเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง (น่าจะหมายถึง ผู้บริหารกรมการปกครอง) เท่านั้น แต่ในระดับภูมิภาคหรือท้องที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ว่าน่าจะเข้าใจหรือได้รับรายงานที่คลาดเคลื่อน เพราะตามขั้นตอนการขอมีสัญชาติไทยของชนกลุ่มน้อย ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณชายแดนประเทศไทยที่ได้มีการจัดทำทะเบียนประวัติไว้ที่สำนักทะเบียนอำเภอนั้น จะต้องยื่นคำร้องผ่านนายอำเภอ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในภูมิภาคหรือท้องที่เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นก่อนส่งคำร้องมาพิจารณาอนุมัติจากกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย
นายกฤษฎากล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2558 มีครอบครัวและบุตรหลานของชนกลุ่มน้อย(Hill tribes or Stateless people)ได้รับการอนุมัติให้ได้สัญชาติไทยไปแล้วจำนวน 10,551คน ซึ่งนับเป็นครั้งสำคัญที่ชนกลุ่มน้อยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยเป็นจำนวนมากกว่าในช่วงปีก่อนๆโดยเฉพาะนับตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศได้มีนโยบายในการคำนึงถึงสิทธิความเป็นมนุษย์ตามกฎหมายของชนกลุ่มน้อยจึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดในเรื่องการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลเป็นกรณีพิเศษ(Statelesspeople)ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อวันที่11 มิถุนายน 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงนามมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจอนุมัติให้บุตรหลานของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยให้สัญชาติไทยได้สะดวกรวดเร็วเป็นการลดขั้นตอนความล่าช้าในการส่งคำร้องมาพิจารณาในส่วนกลางด้วย
"ประการสำคัญนับตั้งแต่ปี2530เป็นต้นมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ไปเสด็จเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารตามแนวชายแดนประเทศไทยได้พระราชทุนการศึกษาตามโครงการนักเรียนในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งรวมทั้งบุตรหลานของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ยังไม่มีสัญชาติไทยด้วยทุกปีปีละ 500 ทุน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้รับทุนการศึกษาขั้นต่ำถึงปริญญาตรีและหากบุตรหลานของชนกลุ่มน้อยรายใดมีความรู้ความสามารถด้านศึกษาก็จะได้รับพระราชทานทุนต่อเนื่องถึงระดับปริญญาโทและเอกด้วยทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่านักเรียนนักศึกษาเหล่านั้นจะได้รับสัญชาติไทยแล้วหรือไม่ก็ตาม" นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า นอกจากนี้เพื่อเป็นการรักษาสิทธิในความเป็นมนุษย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติสิทธิในการรักษาพยาบาลและการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่ครอบครัวและบุตรหลานของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับคนสัญชาติไทยทั่วไปด้วย
อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่าส่วนเรื่องการลดปัจจัยเสี่ยงในปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานข้ามชาตินั้นรัฐบาลได้ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน ปรับปรุงระบบการจัดทำทะเบียนกลุ่มแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยมีการจัดทำข้อมูลบุคคลอาทิ ทะเบียนประวัติรูปถ่าย และลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงระบบประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าวไว้แล้วจำนวน 1,626,235 คน
นายกฤษฎากล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2558 มีครอบครัวและบุตรหลานของชนกลุ่มน้อย(Hill tribes or Stateless people)ได้รับการอนุมัติให้ได้สัญชาติไทยไปแล้วจำนวน 10,551คน ซึ่งนับเป็นครั้งสำคัญที่ชนกลุ่มน้อยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยเป็นจำนวนมากกว่าในช่วงปีก่อนๆโดยเฉพาะนับตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศได้มีนโยบายในการคำนึงถึงสิทธิความเป็นมนุษย์ตามกฎหมายของชนกลุ่มน้อยจึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดในเรื่องการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลเป็นกรณีพิเศษ(Statelesspeople)ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อวันที่11 มิถุนายน 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงนามมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจอนุมัติให้บุตรหลานของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยให้สัญชาติไทยได้สะดวกรวดเร็วเป็นการลดขั้นตอนความล่าช้าในการส่งคำร้องมาพิจารณาในส่วนกลางด้วย
"ประการสำคัญนับตั้งแต่ปี2530เป็นต้นมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ไปเสด็จเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารตามแนวชายแดนประเทศไทยได้พระราชทุนการศึกษาตามโครงการนักเรียนในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งรวมทั้งบุตรหลานของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ยังไม่มีสัญชาติไทยด้วยทุกปีปีละ 500 ทุน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้รับทุนการศึกษาขั้นต่ำถึงปริญญาตรีและหากบุตรหลานของชนกลุ่มน้อยรายใดมีความรู้ความสามารถด้านศึกษาก็จะได้รับพระราชทานทุนต่อเนื่องถึงระดับปริญญาโทและเอกด้วยทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่านักเรียนนักศึกษาเหล่านั้นจะได้รับสัญชาติไทยแล้วหรือไม่ก็ตาม" นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า นอกจากนี้เพื่อเป็นการรักษาสิทธิในความเป็นมนุษย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติสิทธิในการรักษาพยาบาลและการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่ครอบครัวและบุตรหลานของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับคนสัญชาติไทยทั่วไปด้วย
อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่าส่วนเรื่องการลดปัจจัยเสี่ยงในปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานข้ามชาตินั้นรัฐบาลได้ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน ปรับปรุงระบบการจัดทำทะเบียนกลุ่มแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยมีการจัดทำข้อมูลบุคคลอาทิ ทะเบียนประวัติรูปถ่าย และลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงระบบประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าวไว้แล้วจำนวน 1,626,235 คน