นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีการประกาศแก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่) นั้น เป็นเพียงการประกาศปรับเพดานอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนนอกเขตกรุงเทพมหานคร (ต่างจังหวัด) ซึ่งเดิม 2 กิโลเมตรแรก ไม่เกิน 50 บาท เป็นไม่เกิน 100 บาท กิโลเมตรต่อไปจากเดิมกิโลเมตรละ 12 บาท เป็นกิโลเมตรละ 20 บาท กรณีรถติดเคลื่อนที่ไม่ได้ จากเดิมนาทีละไม่เกิน 3 บาท เป็นนาทีละไม่เกิน 5 บาท และหากเป็นการใช้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือเวลากลางคืน ตามช่วงเวลาที่กระทรวงคมนาคมกำหนด ให้คิดค่าจ้างเพิ่มได้ไม่เกิน 100 บาท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในช่วงเวลาที่ขาดแคลนหรือไม่มีรถแท็กซี่จะมาให้บริการ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ปรับเพดานอัตราการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานหรือสถานที่ที่กระทรวงคมนาคมกำหนด จากเดิม 100 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 150 บาท
อย่างไรก็ตาม การปรับเพดานอัตราค่าโดยสารทั้งหมดดังกล่าวยังไม่ใช่อัตราที่จะใช้จัดเก็บจริง โดยอัตราที่จะใช้จัดเก็บจริงนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะพิจารณากำหนดไม่เกินจากเพดานที่กฎกระทรวงบัญญัติตามสภาพความเหมาะสมในแต่ละจังหวัด ก่อนออกประกาศกระทรวงคมนาคมและลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้จริงต่อไป
นายจิรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ยังคงใช้เพดานอัตราค่าโดยสารเดิม จึงไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อค่าโดยสารในปัจจุบัน ทั้งยังให้เรียกเก็บค่าบริการผ่านระบบสื่อสาร ในเพดานอัตราเดิมคือ สูงสุดไม่เกิน 50 บาท ทั้งนี้ ให้รวมถึงระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น การบริการผ่านแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมต่าง ๆ
นอกจากนี้ กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำหนดให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2551 ให้สิ้นสุดอายุการใช้งานพร้อมกันในวันที่ 25 ธันวาคม 2560 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมทั้งมีการยกเลิกการติดตั้งระบบใช้ก๊าซธรรมชาติ ( NGV) โดยให้ใช้เชื้อเพลิงใดก็ได้ อีกทั้งกำหนดให้รถแท็กซี่ต้องไม่ติดตั้งระบบป้องกันการเปิดประตูจากภายในรถ (Child lock) เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารในการใช้บริการรถแท็กซี่ด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในช่วงเวลาที่ขาดแคลนหรือไม่มีรถแท็กซี่จะมาให้บริการ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ปรับเพดานอัตราการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานหรือสถานที่ที่กระทรวงคมนาคมกำหนด จากเดิม 100 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 150 บาท
อย่างไรก็ตาม การปรับเพดานอัตราค่าโดยสารทั้งหมดดังกล่าวยังไม่ใช่อัตราที่จะใช้จัดเก็บจริง โดยอัตราที่จะใช้จัดเก็บจริงนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะพิจารณากำหนดไม่เกินจากเพดานที่กฎกระทรวงบัญญัติตามสภาพความเหมาะสมในแต่ละจังหวัด ก่อนออกประกาศกระทรวงคมนาคมและลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้จริงต่อไป
นายจิรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ยังคงใช้เพดานอัตราค่าโดยสารเดิม จึงไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อค่าโดยสารในปัจจุบัน ทั้งยังให้เรียกเก็บค่าบริการผ่านระบบสื่อสาร ในเพดานอัตราเดิมคือ สูงสุดไม่เกิน 50 บาท ทั้งนี้ ให้รวมถึงระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น การบริการผ่านแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมต่าง ๆ
นอกจากนี้ กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำหนดให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2551 ให้สิ้นสุดอายุการใช้งานพร้อมกันในวันที่ 25 ธันวาคม 2560 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมทั้งมีการยกเลิกการติดตั้งระบบใช้ก๊าซธรรมชาติ ( NGV) โดยให้ใช้เชื้อเพลิงใดก็ได้ อีกทั้งกำหนดให้รถแท็กซี่ต้องไม่ติดตั้งระบบป้องกันการเปิดประตูจากภายในรถ (Child lock) เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารในการใช้บริการรถแท็กซี่ด้วย