ASTVผู้จัดการ - กรมการขนส่งทางบก ชี้แจงประกาศกฎกระทรวงเรื่องค่าแท็กซี่ล่าสุด เป็นแค่การปรับเพดานอัตราค่าโดยสารเฉพาะแท็กซี่ต่างจังหวัดเพิ่ม ไม่ใช่อัตราที่จะเก็บจริง เพราะต้องให้ รมว.คมนาคม พิจารณาอัตราที่เหมาะสมในแต่ละจังหวัดก่อน ส่วนกรณี กทม. เพดานสูงสุดเดิมอยู่ที่ 50 บาท อยู่แล้ว ซึ่งที่บังคับใช้อยู่ปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนแปลง
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 (2) (3) และ (10) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2542 และมาตรา 5 (14) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2547 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ซึ่งสร้างความเข้าใจให้กับสื่อมวลชนและประชาชน ว่า กำลังจะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ ทำให้วันนี้ (31 ก.ค.) กรมการขนส่งทางบกได้ออกมาชี้แจงว่า การแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับรถแท็กซี่ เป็นเพียงการปรับเพดานอัตราค่าโดยสารเฉพาะรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนนอกเขต กทม. (ต่างจังหวัด ) เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีประกาศกระทรวงคมนาคม กำหนดอัตราที่ใช้จริงในแต่ละจังหวัด ส่วนรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในเขต กทม. ยังคงใช้เพดานอัตราค่าโดยสารเดิม ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารในขณะนี้แต่อย่างใด
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีการประกาศ แก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่) นั้น เป็นเพียงการประกาศปรับเพดานอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนนอกเขตกรุงเทพมหานคร (ต่างจังหวัด) ซึ่งเดิม 2 กิโลเมตรแรก ไม่เกิน 50 บาท เป็นไม่เกิน 100 บาท กิโลเมตรต่อไปจากเดิมกิโลเมตรละ 12 บาท เป็นกิโลเมตรละ 20 บาท กรณีรถติดเคลื่อนที่ไม่ได้ จากเดิมนาทีละไม่เกิน 3 บาท เป็นนาทีละไม่เกิน 5 บาท และหากเป็นการใช้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือเวลากลางคืนตามช่วงเวลาที่กระทรวงคมนาคมกำหนด ให้คิดค่าจ้างเพิ่มได้ไม่เกิน 100 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในช่วงเวลาที่ขาดแคลน หรือไม่มีรถแท็กซี่จะมาให้บริการ
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ปรับเพดานอัตราการเรียกใช้บริการรถแท็กซี่จากท่าอากาศยาน หรือสถานที่ที่กระทรวงคมนาคมกำหนด จากเดิม 100 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 150 บาท ซึ่งการปรับเพดานอัตราค่าโดยสารทั้งหมดดังกล่าวยังไม่ใช่อัตราที่จะใช้จัดเก็บจริง โดยอัตราที่จะใช้จัดเก็บจริงนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะพิจารณากำหนดไม่เกินจากเพดานที่กฎกระทรวงบัญญัติตามสภาพความเหมาะสมในแต่ละจังหวัด ก่อนออกประกาศกระทรวงคมนาคมและลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้จริงต่อไป
นายจิรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ยังคงใช้เพดานอัตราค่าโดยสารเดิม จึงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อค่าโดยสารในปัจจุบัน ทั้งยังให้เรียกเก็บค่าบริการผ่านระบบสื่อสาร ในเพดานอัตราเดิม คือ สูงสุดไม่เกิน 50 บาท ทั้งนี้ ให้รวมถึงระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น การบริการผ่านแอปพลิเคชั่น หรือโปรแกรมต่าง ๆ ซึ่งเพดานอัตราสูงสุดดังกล่าวยังไม่ใช่อัตราที่จะใช้จัดเก็บจริง ยังคงต้องรอประกาศจากกระทรวงคมนาคมใช้อัตราจริงที่ไม่เกินจากเพดานดังกล่าว นอกจากนี้ กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำหนดให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2551 ให้สิ้นสุดอายุการใช้งานพร้อมกันในวันที่ 25 ธันวาคม 2560 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมทั้งมีการยกเลิกการติดตั้งระบบใช้ก๊าซธรรมชาติ ( NGV) โดยให้ใช้เชื้อเพลิงใดก็ได้ อีกทั้งกำหนดให้รถแท็กซี่ต้องไม่ติดตั้งระบบป้องกันการเปิดประตูจากภายในรถ (Child lock) เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารในการใช้บริการรถแท็กซี่ด้วย