นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ได้แจ้งว่าหากกรมการศาสนาได้บันทึกข้อมูลผู้แสวงบุญในระบบฐานข้อมูลของทางการซาอุดีอาระเบียในระบบออนไลน์ (E-track) และจัดเอกสารประกอบการ ยื่นขอวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำมายื่น วีซ่าที่สถานทูตได้เลย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ มีผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ได้ทยอยส่งเอกสาร ประกอบการขอยื่นวีซ่าต่อกรมการศาสนา และกรมการศาสนาได้เริ่มกระบวนการ ยื่นขอวีซ่าให้ผู้แสวงบุญต่อทางสถานทูต ซาอุดีอาระเบียแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. เบื้องต้นทางสถานทูตซาอุดีอาระเบียได้ ออกวีซ่าให้ผู้แสวงบุญแล้วจำนวน 1,000 คน ซึ่งต้องขอขอบคุณ นายอับดุสสลาม อับดุลเลาะห์ อาร์ อัลอินนาซี รักษาการอุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ที่ได้ทุ่มเทและให้ความร่วมมือกับกรมการ ศาสนา ในการดำเนินการเรื่องวีซ่าของ ผู้แสวงบุญอย่างดียิ่ง รวมไปถึงผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ที่ให้ความร่วมมือส่งเอกสาร หนังสือเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน ทำสัญญาเช่าที่พักเรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำการขอวีซ่า
ทั้งนี้ ผู้แสวงบุญสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ได้รับวีซ่า ผ่านระบบออนไลน์ www.hajthailand.net หรือสอบถามไปยังผู้ประกอบการของตัวเอง
นายกฤษศญพงษ์ กล่าวต่อว่า กรมการศาสนาจึงขอประชาสัมพันธ์ ไปยังผู้ประกอบกิจการฮัจญ์บางส่วนที่ยังดำเนินการเรื่องต่างๆ ไม่เรียบร้อย ให้ดำเนินการให้เรียบร้อย และเตรียมเอกสารทั้งหมด เพื่อเข้ากระบวนการขอวีซ่าผ่าน กรมการศาสนาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เพื่อให้สถานทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ออกวีซ่าให้ทั้งหมด 10,400 คน ก่อนจะมีการเดินทางอย่างเป็นทางการเที่ยวแรกวันที่ 16 ส.ค. เพื่อให้ผู้จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ เกิดความมั่นใจว่าทุกภาคส่วนนำโดยรัฐบาลไทยมีความตั้งใจที่จะให้พี่น้องมุสลิมได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้นหากผู้ประกอบการใดไม่ดำเนินการภายใต้กำหนดเวลาดังกล่าวจะเกิดความเสียหาย ทางผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ต้องรับผิดชอบต่อผู้แสวงบุญ ที่สำคัญได้มอบหมายให้กองส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ส่งหนังสือเตือนผู้ประกอบกิจการทุกแห่งในกรณีที่สถานทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทยออกวีซ่ามีการกำหนดวันเวลาเดินทางพร้อมเที่ยวบินแล้ว แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง ทาง ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ต้องรีบแจ้งมายังกรมการศาสนาล่วงหน้าก่อนการเดินทาง ไม่น้อยกว่า 7 วัน มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบ เสียหายต่อผู้แสวงบุญและเสียหายต่อประเทศทำให้การบริหารของผู้เดินทาง ไม่เป็นไปตามแผน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ มีผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ได้ทยอยส่งเอกสาร ประกอบการขอยื่นวีซ่าต่อกรมการศาสนา และกรมการศาสนาได้เริ่มกระบวนการ ยื่นขอวีซ่าให้ผู้แสวงบุญต่อทางสถานทูต ซาอุดีอาระเบียแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. เบื้องต้นทางสถานทูตซาอุดีอาระเบียได้ ออกวีซ่าให้ผู้แสวงบุญแล้วจำนวน 1,000 คน ซึ่งต้องขอขอบคุณ นายอับดุสสลาม อับดุลเลาะห์ อาร์ อัลอินนาซี รักษาการอุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ที่ได้ทุ่มเทและให้ความร่วมมือกับกรมการ ศาสนา ในการดำเนินการเรื่องวีซ่าของ ผู้แสวงบุญอย่างดียิ่ง รวมไปถึงผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ที่ให้ความร่วมมือส่งเอกสาร หนังสือเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน ทำสัญญาเช่าที่พักเรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำการขอวีซ่า
ทั้งนี้ ผู้แสวงบุญสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ได้รับวีซ่า ผ่านระบบออนไลน์ www.hajthailand.net หรือสอบถามไปยังผู้ประกอบการของตัวเอง
นายกฤษศญพงษ์ กล่าวต่อว่า กรมการศาสนาจึงขอประชาสัมพันธ์ ไปยังผู้ประกอบกิจการฮัจญ์บางส่วนที่ยังดำเนินการเรื่องต่างๆ ไม่เรียบร้อย ให้ดำเนินการให้เรียบร้อย และเตรียมเอกสารทั้งหมด เพื่อเข้ากระบวนการขอวีซ่าผ่าน กรมการศาสนาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เพื่อให้สถานทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ออกวีซ่าให้ทั้งหมด 10,400 คน ก่อนจะมีการเดินทางอย่างเป็นทางการเที่ยวแรกวันที่ 16 ส.ค. เพื่อให้ผู้จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ เกิดความมั่นใจว่าทุกภาคส่วนนำโดยรัฐบาลไทยมีความตั้งใจที่จะให้พี่น้องมุสลิมได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้นหากผู้ประกอบการใดไม่ดำเนินการภายใต้กำหนดเวลาดังกล่าวจะเกิดความเสียหาย ทางผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ต้องรับผิดชอบต่อผู้แสวงบุญ ที่สำคัญได้มอบหมายให้กองส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ส่งหนังสือเตือนผู้ประกอบกิจการทุกแห่งในกรณีที่สถานทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทยออกวีซ่ามีการกำหนดวันเวลาเดินทางพร้อมเที่ยวบินแล้ว แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง ทาง ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ต้องรีบแจ้งมายังกรมการศาสนาล่วงหน้าก่อนการเดินทาง ไม่น้อยกว่า 7 วัน มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบ เสียหายต่อผู้แสวงบุญและเสียหายต่อประเทศทำให้การบริหารของผู้เดินทาง ไม่เป็นไปตามแผน
