พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การบังคับใช้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 (การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิของนักแสดง) ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองผู้สร้างสรรค์ผลงานทุกประเภทที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้สร้างสรรค์ผลงาน และผู้จ้องที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากงานนั้น
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ เดิม มิได้ระบุโทษชัดเจนสำหรับพฤติกรรมความผิดการละเมิดทางอินเทอร์เน็ต แต่ใน พ.ร.บ.ฉบับใหม่ กำหนดโทษไว้อย่างชัดเจน กรณีที่ผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กนำภาพ หรือวิดีโอ ที่ได้จากการค้นหาใน Google หรือบริการเว็บไซต์ค้นหาอื่นๆ แล้วนำมาตัดชื่อเครดิตออก เพื่อแอบอ้างว่าเป็นผลงานของตัวเอง หรือนำภาพ หรือคลิปวิดีโอไปใช้ในทางการค้า กฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมมากขึ้น ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถฟ้องร้องผู้แอบอ้างได้ ซึ่งหากผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่เป็นบุคคลธรรมดา นำภาพไปโพสต์ต่อ โดยยังให้เครดิตเจ้าของภาพอยู่ ถือว่าไม่มีความผิด แต่หากเป็นนิติบุคคล อาจจะมีความผิดข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ จึงควรขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ ก่อนจะนำภาพไปใช้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้กระทำผิดมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาท และหากเป็นการกระทำเพื่อการค้า จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบสิ่งของละเมิดลิขสิทธิ์ หรือศาลอาจสั่งให้ทำลาย โดยผู้ละเมิดต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการทำลาย
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่ จะช่วยคุ้มครองผู้สร้างสรรผลงานที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต โดยกฎหมายยังเปิดช่องให้เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงสามารถบังคับให้ผู้ที่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ยุติการละเมิด เป็นแรงจูงใจให้คนต้องการผลิตนวัตกรรม และผลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ผลจากกฎหมายฉบับนี้ เชื่อว่าจะทำให้นโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) เติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2558 สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.ipthailand.go.th หรือ สายด่วน 1368
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ เดิม มิได้ระบุโทษชัดเจนสำหรับพฤติกรรมความผิดการละเมิดทางอินเทอร์เน็ต แต่ใน พ.ร.บ.ฉบับใหม่ กำหนดโทษไว้อย่างชัดเจน กรณีที่ผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กนำภาพ หรือวิดีโอ ที่ได้จากการค้นหาใน Google หรือบริการเว็บไซต์ค้นหาอื่นๆ แล้วนำมาตัดชื่อเครดิตออก เพื่อแอบอ้างว่าเป็นผลงานของตัวเอง หรือนำภาพ หรือคลิปวิดีโอไปใช้ในทางการค้า กฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมมากขึ้น ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถฟ้องร้องผู้แอบอ้างได้ ซึ่งหากผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่เป็นบุคคลธรรมดา นำภาพไปโพสต์ต่อ โดยยังให้เครดิตเจ้าของภาพอยู่ ถือว่าไม่มีความผิด แต่หากเป็นนิติบุคคล อาจจะมีความผิดข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ จึงควรขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ ก่อนจะนำภาพไปใช้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้กระทำผิดมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาท และหากเป็นการกระทำเพื่อการค้า จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบสิ่งของละเมิดลิขสิทธิ์ หรือศาลอาจสั่งให้ทำลาย โดยผู้ละเมิดต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการทำลาย
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่ จะช่วยคุ้มครองผู้สร้างสรรผลงานที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต โดยกฎหมายยังเปิดช่องให้เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงสามารถบังคับให้ผู้ที่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ยุติการละเมิด เป็นแรงจูงใจให้คนต้องการผลิตนวัตกรรม และผลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ผลจากกฎหมายฉบับนี้ เชื่อว่าจะทำให้นโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) เติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2558 สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.ipthailand.go.th หรือ สายด่วน 1368
