คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ประณามกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดชุดรักษาความปลอดภัยพระภิกษุสงฆ์ บริเวณตลาดเก่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จนเป็นเหตุให้มีพระภิกษุสงฆ์มรณภาพ 1 รูป ทหารเสียชีวิต 1 นาย ซึ่งเป็นทหารชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นทหาร ผู้สูงอายุ ประชาชน กสม.ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงครอบครัวของบุคคลดังกล่าว ตลอดจนมีความห่วงใยในสวัสดิภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ขอส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
กสม.ขอยืนยันว่า หลักการสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม ไม่มีผู้ใดสามารถละเมิดต่อชีวิตผู้อื่นได้ ไม่ว่ากรณีใด และขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่โหดร้ายทารุณ ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน ผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด และขัดต่อหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นหลักสากลที่ทุกฝ่ายต้องยึดถือ อีกทั้งห้วงระยะเวลาที่ก่อความไม่สงบ เกิดขึ้นในขณะที่พระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาต ตามหลักทางศาสนา โดยผู้ที่เสียชีวิต เป็นพระภิกษุสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ กสม.ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน และปกป้องหลักการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย อันจะละเมิดมิได้ และเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข จึงขอเสนอแนะ ให้ทุกภาคส่วนคำนึงและควรปฏิบัติ ดังนี้
1. กสม.ขอให้ทุกฝ่ายร่วมส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
2. ขอให้กำลังใจแก่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ที่จะร่วมมือกันดูแลระมัดระวัง และรักษาความปลอดภัย รวมถึงต้องขอชื่นชมหน่วยงานความมั่นคงที่ได้เพิ่มมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เข้มงวด รัดกุมให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ สตรี ผู้เป็นตัวแทนของศาสนา และประชาชน ผู้บริสุทธิ์ ต้องได้รับการปกป้อง และคุ้มครอง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข ด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง และการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และทำให้ความสงบสุขในพื้นที่กลับคืนมา
3. รัฐบาล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว และรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณชนเป็นระยะ ๆ
4. รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาความเสียหาย ฟื้นฟูสภาพจิตใจและความบอบช้ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบและครอบครัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ กสม.จะติดตามสถานการณ์และติดตามผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ อีกทั้งจะดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข ด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง และการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ในทุก ๆ ด้านให้กลับคืนมา พร้อมเร่งเยียวยาความเสียหาย ฟื้นฟูจิตใจและความบอบช้ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งขอวิงวอนผู้ที่หลงผิดให้ยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้เป็นตัวแทนของศาสนาและขอให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ว่า จะนับถือศาสนาใดอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันพื่อนำความสงบและสันติสุขคืนสู่ประเทศไทย
กสม.ขอยืนยันว่า หลักการสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม ไม่มีผู้ใดสามารถละเมิดต่อชีวิตผู้อื่นได้ ไม่ว่ากรณีใด และขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่โหดร้ายทารุณ ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน ผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด และขัดต่อหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นหลักสากลที่ทุกฝ่ายต้องยึดถือ อีกทั้งห้วงระยะเวลาที่ก่อความไม่สงบ เกิดขึ้นในขณะที่พระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาต ตามหลักทางศาสนา โดยผู้ที่เสียชีวิต เป็นพระภิกษุสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ กสม.ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน และปกป้องหลักการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย อันจะละเมิดมิได้ และเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยอยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข จึงขอเสนอแนะ ให้ทุกภาคส่วนคำนึงและควรปฏิบัติ ดังนี้
1. กสม.ขอให้ทุกฝ่ายร่วมส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
2. ขอให้กำลังใจแก่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ที่จะร่วมมือกันดูแลระมัดระวัง และรักษาความปลอดภัย รวมถึงต้องขอชื่นชมหน่วยงานความมั่นคงที่ได้เพิ่มมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เข้มงวด รัดกุมให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ สตรี ผู้เป็นตัวแทนของศาสนา และประชาชน ผู้บริสุทธิ์ ต้องได้รับการปกป้อง และคุ้มครอง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข ด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง และการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และทำให้ความสงบสุขในพื้นที่กลับคืนมา
3. รัฐบาล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว และรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณชนเป็นระยะ ๆ
4. รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาความเสียหาย ฟื้นฟูสภาพจิตใจและความบอบช้ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบและครอบครัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ กสม.จะติดตามสถานการณ์และติดตามผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ อีกทั้งจะดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข ด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง และการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ในทุก ๆ ด้านให้กลับคืนมา พร้อมเร่งเยียวยาความเสียหาย ฟื้นฟูจิตใจและความบอบช้ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งขอวิงวอนผู้ที่หลงผิดให้ยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้เป็นตัวแทนของศาสนาและขอให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ว่า จะนับถือศาสนาใดอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันพื่อนำความสงบและสันติสุขคืนสู่ประเทศไทย