พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เตรียมเปิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้การต้อนรับ นายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล เพื่อร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และผลักดันความร่วมมือของ 2 ประเทศ รวมถึงเพื่อเตรียมการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างกันที่จะครบรอบ 40 ปีในปี 2559 โดยในเวลา 09.00 น. จะมีพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือระหว่างกัน คือความเชื่อมโยง ทั้งในด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ รวมไปถึงการเชื่อมโยงทางคมนาคม การลงทุน การค้า การเกษตร และแรงงานข้ามชาติ
ทั้งนี้ ไทยและเวียดนามตั้งเป้าผลักดันให้มีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มจากเดิม 12,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 รวมถึงเวียดนามรับจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผ่อนผันการนำเข้าผลไม้ไทย 4 ชนิด คือมะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย และเงาะ ก่อนที่ในเวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและแถลงข่าวร่วมกัน ที่ตึกสันติไมตรี โดยการลงนามข้อตกลงร่วมกันจะมีทั้งสิ้น 5 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน และบันทึกความตกลงว่าด้วยการจ้างงานที่จะเปิดให้มีความร่วมมือในการพัฒนาฝีมือแรงงานและการจ้างงานระหว่างทั้งสองประเทศ และขยายความร่วมมือด้านกิจการก่อสร้างและประมงระหว่างกัน ส่วนข้อตกลงดังกล่าวนั้น จะทำให้สามารถจดทะเบียนแรงงานลักลอบเข้าเมืองชาวเวียดนามในไทยให้เป็นแรงงานถูกกฎหมายได้ และเปิดช่องทางให้สามารถนำเข้าแรงงานเวียดนามมายังไทยได้ในอนาคต
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีลงนาม นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ จะได้ร่วมกันถ่ายภาพหมู่ และนายกรัฐมนตรีของไทย จะได้เป็นเจ้าภาพ ในการเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีเวียดนามและภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี ภายในทำเนียบรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ ไทยและเวียดนามตั้งเป้าผลักดันให้มีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มจากเดิม 12,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 รวมถึงเวียดนามรับจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผ่อนผันการนำเข้าผลไม้ไทย 4 ชนิด คือมะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย และเงาะ ก่อนที่ในเวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและแถลงข่าวร่วมกัน ที่ตึกสันติไมตรี โดยการลงนามข้อตกลงร่วมกันจะมีทั้งสิ้น 5 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน และบันทึกความตกลงว่าด้วยการจ้างงานที่จะเปิดให้มีความร่วมมือในการพัฒนาฝีมือแรงงานและการจ้างงานระหว่างทั้งสองประเทศ และขยายความร่วมมือด้านกิจการก่อสร้างและประมงระหว่างกัน ส่วนข้อตกลงดังกล่าวนั้น จะทำให้สามารถจดทะเบียนแรงงานลักลอบเข้าเมืองชาวเวียดนามในไทยให้เป็นแรงงานถูกกฎหมายได้ และเปิดช่องทางให้สามารถนำเข้าแรงงานเวียดนามมายังไทยได้ในอนาคต
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีลงนาม นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ จะได้ร่วมกันถ่ายภาพหมู่ และนายกรัฐมนตรีของไทย จะได้เป็นเจ้าภาพ ในการเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีเวียดนามและภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี ภายในทำเนียบรัฐบาลด้วย