สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) โดยทองคำดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2010 และทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 10 วันทำการ เพราะได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงสร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์- COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 12 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ระดับ 1,091.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 22 ก.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 68.25 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 17,851.04 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 5.06 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 2,114.15 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 36.35 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 5,171.77 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.23% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไอโฟนเพิ่มขึ้นเพียง 35% ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ยอดขายไอโฟน 6 และไอโฟน 6 Plus เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในจีน
นอกจากนี้ แอปเปิลยังระบุว่ารายได้ในไตรมาสปัจจุบันจะต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยจะอยู่ที่ 4.9-5.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่ไมโครซอฟท์ ขาดทุนถึง 3.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการตัดบัญชีสินทรัพย์ด้อยค่าของสินทรัพย์โนเกีย และอื่นๆที่เกี่ยวข้องรวม 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ลดการผลิตน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์- COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 12 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ระดับ 1,091.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 22 ก.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 68.25 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 17,851.04 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 5.06 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 2,114.15 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 36.35 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 5,171.77 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.23% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไอโฟนเพิ่มขึ้นเพียง 35% ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ยอดขายไอโฟน 6 และไอโฟน 6 Plus เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในจีน
นอกจากนี้ แอปเปิลยังระบุว่ารายได้ในไตรมาสปัจจุบันจะต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยจะอยู่ที่ 4.9-5.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่ไมโครซอฟท์ ขาดทุนถึง 3.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการตัดบัญชีสินทรัพย์ด้อยค่าของสินทรัพย์โนเกีย และอื่นๆที่เกี่ยวข้องรวม 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ลดการผลิตน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
