พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการ เพื่อประชุมแก้ไขปัญหาการจราจร การศึกษาพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และการประสานงาน หน่วยงาน ในการเก็บหลักฐานของกองพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กำชับสั่งการให้กวดขันจับกุมรถบนท้องถนนที่ขับขี่ในลักษณะหวาดเสียว อาทิ รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีแดง ที่เป็นข่าวนั้น และถูกดำเนินการฟ้องร้องจนศาลมีคำสั่งให้ริบรถคันดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะเคร่งครัดในการตรวจจับให้มากขึ้น และหากพบมีผู้กระทำผิดจะต้องสืบสวนจับกุมและดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในทุกคดี ให้ริบรถ เพราะไม่อยากให้ปรับอย่างเดียว จะได้เป็นที่หลาบจำ พร้อมกันนี้ยังสั่งให้ตั้งด่านจราจรกวดขันให้ถี่ขึ้น แต่ไม่ซ้ำซ้อนกัน และเรียกตรวจตามวิจารณญาณของผู้ปฏิบัติ
"ได้กำชับพนักงานสอบสวนทั้ง 88 สน. การประสานหน่วยงานในการเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล รอยนิ้วมือแฝง ที่จะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือส่งต่อข้อมูลเมื่อพนักงานสอบสวนถูกโยกย้ายไปในตำแหน่งอื่นๆ การทำงานจะได้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ หลังจากนี้ให้ผู้บังคับการของแต่ละหน่วยงาน เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ก่อนส่งมอบให้ผู้กำกับดำเนินการต่อในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ และรายงานมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทราบภายในวันที่ 5 ส.ค. อย่างไรก็ตาม ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามคำสั่ง เนื่องจากทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนประเด็นข้อพิจารณาพ.ร.บ.ชุมนุม ได้สั่งการให้ไปทำการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและเข้าใจในแนววิธีการปฏิบัติ" ผบช.น.กล่าว
ด้านพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ฐานะโฆษกบช.น. เปิดเผยว่าสำหรับคดีรถ ยาริสขับขี่หวาดเสียว ที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์นั้น ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งพิพากษาลงโทษนายชาตรี ลิ้มกุล อายุ 26 ปี ฐานความผิดขับรถในลักษณะน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น หลังขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง ทะเบียน 2 กณ 1098 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนรามอินทรา จากด้านมีนบุรีมุ่งหน้าหลักสี่ ซึ่งมีถนน 3 ช่องทางจราจรไปในทิศทางเดียวกัน โดยขับรถยนต์คันดังกล่าวเปลี่ยนช่องทางเดินรถไปมาในลักษณะเร่งแซงปาดหน้ารถคันอื่นที่ขับแล่นอยู่ในช่องทางเดินรถทั้งสามช่องทางอยู่ไปมาตลอดเวลา ทั้งที่ขณะรถแล่นใช้ทางอยู่เป็นจำนวนมาก อันเป็นการขับรถในลักษณะน่าหวาดเสียวอันเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น โดยฝ่าฝืนกฎหมายจนเป็นสาเหตุให้รถอื่นต้องหลบหลีกและเกิดเหตุเฉี่ยวชนกันตามมา
"คดีนี้พิพากษาลงโทษปรับ 500 บาท พักใช้ใบอนุญาต 6 เดือน และริบรถยนต์ของกลางไว้ด้วย" พล.ต.ต.ชยพลกล่าว
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กำชับสั่งการให้กวดขันจับกุมรถบนท้องถนนที่ขับขี่ในลักษณะหวาดเสียว อาทิ รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีแดง ที่เป็นข่าวนั้น และถูกดำเนินการฟ้องร้องจนศาลมีคำสั่งให้ริบรถคันดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะเคร่งครัดในการตรวจจับให้มากขึ้น และหากพบมีผู้กระทำผิดจะต้องสืบสวนจับกุมและดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในทุกคดี ให้ริบรถ เพราะไม่อยากให้ปรับอย่างเดียว จะได้เป็นที่หลาบจำ พร้อมกันนี้ยังสั่งให้ตั้งด่านจราจรกวดขันให้ถี่ขึ้น แต่ไม่ซ้ำซ้อนกัน และเรียกตรวจตามวิจารณญาณของผู้ปฏิบัติ
"ได้กำชับพนักงานสอบสวนทั้ง 88 สน. การประสานหน่วยงานในการเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล รอยนิ้วมือแฝง ที่จะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือส่งต่อข้อมูลเมื่อพนักงานสอบสวนถูกโยกย้ายไปในตำแหน่งอื่นๆ การทำงานจะได้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ หลังจากนี้ให้ผู้บังคับการของแต่ละหน่วยงาน เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ก่อนส่งมอบให้ผู้กำกับดำเนินการต่อในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ และรายงานมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทราบภายในวันที่ 5 ส.ค. อย่างไรก็ตาม ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามคำสั่ง เนื่องจากทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนประเด็นข้อพิจารณาพ.ร.บ.ชุมนุม ได้สั่งการให้ไปทำการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและเข้าใจในแนววิธีการปฏิบัติ" ผบช.น.กล่าว
ด้านพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ฐานะโฆษกบช.น. เปิดเผยว่าสำหรับคดีรถ ยาริสขับขี่หวาดเสียว ที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์นั้น ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งพิพากษาลงโทษนายชาตรี ลิ้มกุล อายุ 26 ปี ฐานความผิดขับรถในลักษณะน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น หลังขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง ทะเบียน 2 กณ 1098 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนรามอินทรา จากด้านมีนบุรีมุ่งหน้าหลักสี่ ซึ่งมีถนน 3 ช่องทางจราจรไปในทิศทางเดียวกัน โดยขับรถยนต์คันดังกล่าวเปลี่ยนช่องทางเดินรถไปมาในลักษณะเร่งแซงปาดหน้ารถคันอื่นที่ขับแล่นอยู่ในช่องทางเดินรถทั้งสามช่องทางอยู่ไปมาตลอดเวลา ทั้งที่ขณะรถแล่นใช้ทางอยู่เป็นจำนวนมาก อันเป็นการขับรถในลักษณะน่าหวาดเสียวอันเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น โดยฝ่าฝืนกฎหมายจนเป็นสาเหตุให้รถอื่นต้องหลบหลีกและเกิดเหตุเฉี่ยวชนกันตามมา
"คดีนี้พิพากษาลงโทษปรับ 500 บาท พักใช้ใบอนุญาต 6 เดือน และริบรถยนต์ของกลางไว้ด้วย" พล.ต.ต.ชยพลกล่าว