วันนี้ (17 ก.ค.) คณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุริตและประพฤติมิชอบ สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดสัมมนาการปฎิรูป ป.ป.ช.แก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงการทำงานของ ป.ป.ช.ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.ร.อ.พระจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปช.กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่ามีปัจเจกบุคคลที่ทำงานใน ป.ป.ช.บางคนไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์ทางกฎหมายในการตรวจสอบผู้ที่ถูกร้องเรียน ทำให้คนที่ถูกร้องเรียนแต่ไม่มีความผิด ต้องมีมลทิน และบางคนทำให้คนที่มีความผิดหลุดรอด ไม่ได้ถูกดำเนินคดีเอาผิด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ไช่เรื่องเชิงโครงสร้างการบริหาร แต่เป็นปัญหาเชิงบุคลากร ทั้งนี้ อยากเสนอให้คนที่จะมาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ควรได้รับการอบรมให้เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ ที่เห็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องสำคัญ การคัดเลือกกรรมการ ป.ป.ช.อาจจะประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อจะได้คนที่ดีมาทำหน้าที่ ไม่อยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง
นอกจากนี้ ต้องการให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ เอาผิดคนได้ ไม่ใช่ต้องรอให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ขณะที่มาตรา 103/9 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีสาระสำคัญถึงการเปิดเผยข้อมูลกับประชาชน เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร ซึ่งหากมีการนำเรื่องเหล่านี้ที่เป็นความจริงมาเปิดเผย ให้ได้รู้ว่ามีเรื่องคั่งค้าง เรื่องที่ยังไม่พิจารณาคือเรื่องใดบ้าง คนจะได้รู้และตรวจสอบ คนของ ป.ป.ช.ต้องทำเรื่องเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นคนจะไม่เกรงกลัวหรือหลาบจำ
ทางด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การออกแบบองค์กรของ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ต้องเป็นแม่งานในการตรวจสอบทุจริตทั้งหมด ต้องรับภาระมาก ต้องรับผิดชอบทั้งการตรวจสอบ ไปจนถึงการดำเนินการทางกฎหมาย ดังนั้น ถ้าคนนอกที่แก้กฎหมาย ป.ป.ช.ไม่แก้ไขกฎหมาย และคนภายใน ป.ป.ช.ยังหวงอำนาจ ไม่แก้ไขปัญหา งานป้องกันปราบปรามการทุจริตจะแก้ไม่ได้
ขณะที่เรื่องการเปิดเผยข้อมูลของ ป.ป.ช.เป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ป.ป.ช.มีอำนาจมาก ประชาชนต้องรู้ว่าเรื่องใดตรวจสอบอยู่ เรื่องใดไม่ฟ้อง มีผลการวินิจฉัยอย่างไร ต้องเปิดเผยให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบ
พล.ร.อ.พระจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปช.กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่ามีปัจเจกบุคคลที่ทำงานใน ป.ป.ช.บางคนไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์ทางกฎหมายในการตรวจสอบผู้ที่ถูกร้องเรียน ทำให้คนที่ถูกร้องเรียนแต่ไม่มีความผิด ต้องมีมลทิน และบางคนทำให้คนที่มีความผิดหลุดรอด ไม่ได้ถูกดำเนินคดีเอาผิด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ไช่เรื่องเชิงโครงสร้างการบริหาร แต่เป็นปัญหาเชิงบุคลากร ทั้งนี้ อยากเสนอให้คนที่จะมาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ควรได้รับการอบรมให้เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ ที่เห็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องสำคัญ การคัดเลือกกรรมการ ป.ป.ช.อาจจะประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อจะได้คนที่ดีมาทำหน้าที่ ไม่อยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง
นอกจากนี้ ต้องการให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ เอาผิดคนได้ ไม่ใช่ต้องรอให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ขณะที่มาตรา 103/9 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีสาระสำคัญถึงการเปิดเผยข้อมูลกับประชาชน เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร ซึ่งหากมีการนำเรื่องเหล่านี้ที่เป็นความจริงมาเปิดเผย ให้ได้รู้ว่ามีเรื่องคั่งค้าง เรื่องที่ยังไม่พิจารณาคือเรื่องใดบ้าง คนจะได้รู้และตรวจสอบ คนของ ป.ป.ช.ต้องทำเรื่องเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นคนจะไม่เกรงกลัวหรือหลาบจำ
ทางด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การออกแบบองค์กรของ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ต้องเป็นแม่งานในการตรวจสอบทุจริตทั้งหมด ต้องรับภาระมาก ต้องรับผิดชอบทั้งการตรวจสอบ ไปจนถึงการดำเนินการทางกฎหมาย ดังนั้น ถ้าคนนอกที่แก้กฎหมาย ป.ป.ช.ไม่แก้ไขกฎหมาย และคนภายใน ป.ป.ช.ยังหวงอำนาจ ไม่แก้ไขปัญหา งานป้องกันปราบปรามการทุจริตจะแก้ไม่ได้
ขณะที่เรื่องการเปิดเผยข้อมูลของ ป.ป.ช.เป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ป.ป.ช.มีอำนาจมาก ประชาชนต้องรู้ว่าเรื่องใดตรวจสอบอยู่ เรื่องใดไม่ฟ้อง มีผลการวินิจฉัยอย่างไร ต้องเปิดเผยให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบ
