นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณน้ำตามจุดต่างๆ พบว่าปริมาณน้ำในคลองสายหลัก อาทิ คลองสามวา คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองแสนแสบ ฯลฯ ยังมีน้ำนอนคลองประมาณ 60-70 เซนติเมตร ที่ยังเป็นปริมาณเพียงพอต่อการเกษตรกรรม และเมื่อไปดูตามพื้นที่เกษตรกรรมที่สวนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ ตะวันออก (หนองจอก ลาดกระบัง ) จะพบว่า ได้มีการสูบน้ำเข้าพื้นที่นา และบ่อน้ำพักเตรียมไว้แล้ว กอปรกับช่วงที่ผ่านมา ยังมีฝนตกประปรายจึงยังคงสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้งต้นปีที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้สำนักงานเขตทำการแจ้งเตือนเกษตรกรว่า ปีนี้ปริมาณน้ำจะน้อย และได้เตรียมการผันน้ำจากพื้นที่ด้านในของกรุงเทพฯ ให้ออกไปยังฝั่งตะวันออก จึงทำให้สถานการณ์ภัยแล้ง สำหรับการเกษตรกรรมยังไม่วิกฤตแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับเรื่องน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค ที่ยังไม่ได้รับการประสานจากการประปานครหลวง (กปน.) ถึงเรื่องการขาดแหล่งน้ำดิบแต่อย่างใด เพราะกรุงเทพมหานครนั้นมีแหล่งป้อนน้ำดิบสองแหล่งคือ แหล่งน้ำจากคลองฝั่งปทุมธานี กับแหล่งน้ำจากฝั่งตะวันตกคือ คลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งปริมาณน้ำที่คลองมหาสวัสดิ์นี้ยังมีปริมาณเพียงพออยู่ โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องเรียนจากพื้นที่ใดว่าขาดน้ำอุปโภคบริโภค แต่ได้สั่งการให้เขตต่างๆ ทำการสำรองน้ำใช้ไว้เผื่อกรณีหากมีการร้องเรียน
สำหรับความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุการณ์ถนนทรุดตัวในพื้นที่เขตหนองจอกนั้น นายสุวิทย์ รัศมิแพทย์ ผู้อำนวยการเขตหนองจอก กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม เกิดผิวจราจรร้าวบริเวณถนนสุวินทวงศ์ 42 ซึ่งเป็นถนนเลียบคลองลำนกแขวก มีรอยร้าวระยะทางประมาณ 40 เมตร โดยรอยร้าวมีความลึกของจุดที่ต่างระดับประมาณ 20 เซนติเมตร
ล่าสุดได้เกิดรอยแยกเพิ่มยาวอีก 20 เมตร และรอยลึกเพิ่มเป็น 70 เซนติเมตร เนื่องจากน้ำในคลองลำนกแขวก รวมถึงคลองใกล้เคียงแห้งขอด และยังได้ส่งผลให้ดินไหลกดทับท่อประปาหักเสียหาย เกิดน้ำท่วมขังในบริเวณผิวจราจร ทางเขตฯ ได้ประสานการประปานครหลวง (กปน.) ทำการซ่อมแซมท่อ และดำเนินการซ่อมแซมผิวจราจรด้วยการเปิดผิวจราจรและนำหินบดอัดมาพื้นผิว เพื่อเปิดการจราจรชั่วคราวภายในวันนี้ (13 กค.) ส่วนการแก้ไขในระยะยาว ต้องติดตามสถานการณ์รอให้การทรุดตัวหยุดนิ่ง จึงจะเทผิวจราจรด้วยยางมะตอย
อย่างไรก็ตาม ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาบริเวณถนนสุวินทวงศ์ 42 เกิดถนนทรุดตัวรวม 3 ครั้ง และในครั้งนี้ถือว่าหนักสุด เพราะน้ำในคลองย่อยแห้งมาก ทั้งนี้ในพื้นที่เขตหนองจอกมีถนนเสี่ยงทรุดตัวอีก 5 สาย ได้แก่ ถนนเลียบคลองกระทุ่มล้ม ถนนเลียบคลองเจียระดับ ถนนเลียบคลอง 12 ฝั่งตะวันตก ถนนเลียบคลองแบนชะโด และถนนเลียบคลองสนามกลางลำ
เช่นเดียวกับเรื่องน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค ที่ยังไม่ได้รับการประสานจากการประปานครหลวง (กปน.) ถึงเรื่องการขาดแหล่งน้ำดิบแต่อย่างใด เพราะกรุงเทพมหานครนั้นมีแหล่งป้อนน้ำดิบสองแหล่งคือ แหล่งน้ำจากคลองฝั่งปทุมธานี กับแหล่งน้ำจากฝั่งตะวันตกคือ คลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งปริมาณน้ำที่คลองมหาสวัสดิ์นี้ยังมีปริมาณเพียงพออยู่ โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องเรียนจากพื้นที่ใดว่าขาดน้ำอุปโภคบริโภค แต่ได้สั่งการให้เขตต่างๆ ทำการสำรองน้ำใช้ไว้เผื่อกรณีหากมีการร้องเรียน
สำหรับความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุการณ์ถนนทรุดตัวในพื้นที่เขตหนองจอกนั้น นายสุวิทย์ รัศมิแพทย์ ผู้อำนวยการเขตหนองจอก กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม เกิดผิวจราจรร้าวบริเวณถนนสุวินทวงศ์ 42 ซึ่งเป็นถนนเลียบคลองลำนกแขวก มีรอยร้าวระยะทางประมาณ 40 เมตร โดยรอยร้าวมีความลึกของจุดที่ต่างระดับประมาณ 20 เซนติเมตร
ล่าสุดได้เกิดรอยแยกเพิ่มยาวอีก 20 เมตร และรอยลึกเพิ่มเป็น 70 เซนติเมตร เนื่องจากน้ำในคลองลำนกแขวก รวมถึงคลองใกล้เคียงแห้งขอด และยังได้ส่งผลให้ดินไหลกดทับท่อประปาหักเสียหาย เกิดน้ำท่วมขังในบริเวณผิวจราจร ทางเขตฯ ได้ประสานการประปานครหลวง (กปน.) ทำการซ่อมแซมท่อ และดำเนินการซ่อมแซมผิวจราจรด้วยการเปิดผิวจราจรและนำหินบดอัดมาพื้นผิว เพื่อเปิดการจราจรชั่วคราวภายในวันนี้ (13 กค.) ส่วนการแก้ไขในระยะยาว ต้องติดตามสถานการณ์รอให้การทรุดตัวหยุดนิ่ง จึงจะเทผิวจราจรด้วยยางมะตอย
อย่างไรก็ตาม ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาบริเวณถนนสุวินทวงศ์ 42 เกิดถนนทรุดตัวรวม 3 ครั้ง และในครั้งนี้ถือว่าหนักสุด เพราะน้ำในคลองย่อยแห้งมาก ทั้งนี้ในพื้นที่เขตหนองจอกมีถนนเสี่ยงทรุดตัวอีก 5 สาย ได้แก่ ถนนเลียบคลองกระทุ่มล้ม ถนนเลียบคลองเจียระดับ ถนนเลียบคลอง 12 ฝั่งตะวันตก ถนนเลียบคลองแบนชะโด และถนนเลียบคลองสนามกลางลำ
