พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งทหารตำรวจและฝ่ายปกครองในจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และตรวจที่เกิดเหตุระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ที่หน้าร้านครกทองคาราโอเกะ ถนนวงศ์ท่าเรือ เขตเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย พร้อมกับพบปะและให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ที่ปาดังเบซาร์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า จากการรับฟังบรรยายสรุปจากตำรวจคดีมีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในปาดังเบซาร์ซึ่งเกิดเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ขึ้นเป็นครั้งที่สอง จะต้องมีการปรับแผนและประสานการทำงานของทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ อส. และกำลังภาคประชาชน ในการจัดเวรยามเฝ้าระวังพื้นที่ และจะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุระเบิดที่ปาดังเบซาร์นั้น เชื่อมโยงกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งรูปแบบการก่อเหตุและวัตถุระเบิด ส่วนสาเหตุที่กลุ่มก่อความไม่สงบลงมือในพื้นที่ปาดังเบซาร์ อาจจะมาจากจุดอ่อนที่ไม่มีการคุมเข้มมากนัก จึงสามารถลงมือได้ง่ายกว่าเมืองใหญ่ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการเรื่องความปลอดภัยแล้ว จะต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย รวมทั้งทรัพย์สินที่เสียหายเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้าน
แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า จากการรับฟังบรรยายสรุปจากตำรวจคดีมีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในปาดังเบซาร์ซึ่งเกิดเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ขึ้นเป็นครั้งที่สอง จะต้องมีการปรับแผนและประสานการทำงานของทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ อส. และกำลังภาคประชาชน ในการจัดเวรยามเฝ้าระวังพื้นที่ และจะต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุระเบิดที่ปาดังเบซาร์นั้น เชื่อมโยงกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งรูปแบบการก่อเหตุและวัตถุระเบิด ส่วนสาเหตุที่กลุ่มก่อความไม่สงบลงมือในพื้นที่ปาดังเบซาร์ อาจจะมาจากจุดอ่อนที่ไม่มีการคุมเข้มมากนัก จึงสามารถลงมือได้ง่ายกว่าเมืองใหญ่ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการเรื่องความปลอดภัยแล้ว จะต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย รวมทั้งทรัพย์สินที่เสียหายเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้าน