พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนประเทศไทยกับการเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่นไทย ท่ามกลางนักธุรกิจชั้นนำญี่ปุ่นกว่า 400 คน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีของไทยญี่ปุ่นในทุกระดับ ทั้งด้านการลงทุน การท่องเที่ยว การค้าการเกษตร ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนกันเพิ่มมากขึ้น และเห็นว่าประชาคมโลกวันนี้จะต้องเดินหน้าไปพร้อมกันโดยที่ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยไทยถือเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาคอาเซียนของญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 30 ปี โดยมีโครงการของบริษัทญี่ปุ่นได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI กว่า 8,000 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 3.2 ล้านล้านบาท สร้างผลดีต่อเศรษฐกิจไทย และการที่ไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงด้านการคมนาคมไปยังประเทศอาเซียน จึงขอเชิญชวนนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนโดยรัฐบาลจะดูแลอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ที่ต้องการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจไปในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งการค้าตามแนวชายแดนในขณะนี้มีมูลราคามากกว่า 900,000 ล้านบาท ซึ่งอยากเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำถึงเสถียรภาพของไทยและการทำงานของรัฐบาลตามโรดแมปที่จะทำให้นักลงทุนจากญี่ปุ่นดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในอนาคตอาเซียนจะต้องเดินหน้าทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมสีเขียวไปพร้อมกัน รวมถึงการเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับการลงทุนในประเทศไทยและขอให้ญี่ปุ่นมองประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำถึงเสถียรภาพของไทยและการทำงานของรัฐบาลตามโรดแมปที่จะทำให้นักลงทุนจากญี่ปุ่นดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในอนาคตอาเซียนจะต้องเดินหน้าทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมสีเขียวไปพร้อมกัน รวมถึงการเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับการลงทุนในประเทศไทยและขอให้ญี่ปุ่นมองประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2