รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.อภิชาติ เจียวพานิช สวป.สภ.ละแม จ.ชุมพร หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดชุมพรใต้ ได้นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดหลังสวนที่ 89/2558 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ข้อหา ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 4 คน และผู้ต้องหาค้ายาบ้าอีก 2 คน ของกลางจำนวน 12,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย 1 เล่ม และรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว หมายเลขทะเบียน กค 3027 พังงา มาแถลงข่าวในวันต่อต้านยาเสพติดโลก วันที่ 26 มิ.ย.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ชุดปราบปรามยาเสพติดชุมพรใต้ ได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 400 เม็ด จากนางมลฤดี วีระวานิช อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.แหลมทราย อ.หลังสวน และนายสมพร วีระวานิช อายุ 33 ปี น้องชายนางมลฤดี อยู่บ้านเลขที่109 หมู่ 10 ต.แหลมทราย อ.หลังสวน โดยนางมลฤดี ได้นัดให้มารับยาบ้าที่หน้าบ้าน และมีนายสมพร เป็นคนนำยาบ้ามาส่งให้ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและเข้าตรวจค้นบ้านของนายสมพร พบยาบ้า 11,600 เม็ด ฝังอยู่ใต้พื้นดินหลังบ้าน มูลค่าเกือบ 1,200,000 บาท นำตัวไปสอบสวนขยายผล
เบื้องต้นนางมลฤดี ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า รับจ้างขนยาบ้าให้นายนนท์ ไม่ทราบชื่อจริง และที่อยู่ จำนวน 10 มัด โดยนายนนท์ สั่งให้นำยาบ้าไปส่งยาบ้าให้กับลูกค้าตามจุดนัดหมายต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปวางไว้ที่เสาหลักกิโลเมตรริมทาง และได้ส่งยาบ้าไปแล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีก 5 มัดให้การซัดทอดว่าเป็นของนายเอกราช นพฤทธิ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/5 หมู่ที่ 2 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา จ.พังงา ซึ่งเป็นน้องชาย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตส.ส.และโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่านายเอกราช จ้างให้นำยาบ้าจำนวนดังกล่าวไปส่งที่จ.พังงา ให้ค่าจ้าง 30,000บาท และโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย เป็นค่ามัดจำแล้ว 10,000บาท นางมลฤดี จึงนำยาบ้าของกลางมาพักไว้ที่บ้าน แต่ถูกจับเสียก่อน
เมื่อทราบดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นางมลฤดี โทรไปหานายเอกราช เพื่อให้มารับยาบ้าเองที่อ.หลังสวน จนนายเอกราช เดินทางมาถึงที่จุดนัดหมายเมื่อช่วงตีสาม ของวันที่ 25 มิ.ย.จึงควบคุมตัวมาสอบสวน และรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดหลังสวน พร้อมพวกรวม 4 คน คือนายเอกราช นพฤทธิ์ อายุ 51 ปี น.ส.สุรินทร์ โอบอ้อม อายุ 55 ปี นายอรุณ จันทร์สว่าง และน.ส.พัชรี กล่อมเสนาะ อายุ 35 ปี แจ้งข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อ ใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาบ้า/เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ผู้ต้องหาทั้ง4คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะขอไปให้การในชั้นศาล จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน และจะได้ขยายผลเพื่อจับกุมนายนนท์ต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ชุดปราบปรามยาเสพติดชุมพรใต้ ได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 400 เม็ด จากนางมลฤดี วีระวานิช อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.แหลมทราย อ.หลังสวน และนายสมพร วีระวานิช อายุ 33 ปี น้องชายนางมลฤดี อยู่บ้านเลขที่109 หมู่ 10 ต.แหลมทราย อ.หลังสวน โดยนางมลฤดี ได้นัดให้มารับยาบ้าที่หน้าบ้าน และมีนายสมพร เป็นคนนำยาบ้ามาส่งให้ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและเข้าตรวจค้นบ้านของนายสมพร พบยาบ้า 11,600 เม็ด ฝังอยู่ใต้พื้นดินหลังบ้าน มูลค่าเกือบ 1,200,000 บาท นำตัวไปสอบสวนขยายผล
เบื้องต้นนางมลฤดี ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า รับจ้างขนยาบ้าให้นายนนท์ ไม่ทราบชื่อจริง และที่อยู่ จำนวน 10 มัด โดยนายนนท์ สั่งให้นำยาบ้าไปส่งยาบ้าให้กับลูกค้าตามจุดนัดหมายต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปวางไว้ที่เสาหลักกิโลเมตรริมทาง และได้ส่งยาบ้าไปแล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีก 5 มัดให้การซัดทอดว่าเป็นของนายเอกราช นพฤทธิ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/5 หมู่ที่ 2 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา จ.พังงา ซึ่งเป็นน้องชาย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตส.ส.และโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่านายเอกราช จ้างให้นำยาบ้าจำนวนดังกล่าวไปส่งที่จ.พังงา ให้ค่าจ้าง 30,000บาท และโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย เป็นค่ามัดจำแล้ว 10,000บาท นางมลฤดี จึงนำยาบ้าของกลางมาพักไว้ที่บ้าน แต่ถูกจับเสียก่อน
เมื่อทราบดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นางมลฤดี โทรไปหานายเอกราช เพื่อให้มารับยาบ้าเองที่อ.หลังสวน จนนายเอกราช เดินทางมาถึงที่จุดนัดหมายเมื่อช่วงตีสาม ของวันที่ 25 มิ.ย.จึงควบคุมตัวมาสอบสวน และรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดหลังสวน พร้อมพวกรวม 4 คน คือนายเอกราช นพฤทธิ์ อายุ 51 ปี น.ส.สุรินทร์ โอบอ้อม อายุ 55 ปี นายอรุณ จันทร์สว่าง และน.ส.พัชรี กล่อมเสนาะ อายุ 35 ปี แจ้งข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อ ใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาบ้า/เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ผู้ต้องหาทั้ง4คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะขอไปให้การในชั้นศาล จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน และจะได้ขยายผลเพื่อจับกุมนายนนท์ต่อไป
