พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อโอนเงินยังแพร่ระบาดอยู่ในหลายพื้นที่ และใช้วิธีโน้มน้าวให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินง่ายขึ้นโดยรูปแบบที่ใช้หลอกลวงคือ การสามารถระบุประวัติส่วนตัว รวมถึงชื่อบุคคลใกล้ชิดของผู้เสียหายได้ทั้งหมด คาดว่าแก๊งเหล่านี้ได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาจากเอกสารสัญญาเงินกู้การทำประกันหรือใบสมัครงานที่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และบุคคลใกล้ชิด
ล่าสุด วันนี้เพียงวันเดียว ปปง.ได้รับแจ้งจากเหยื่อ 3 รายว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งหมดถูกหลอกโดยแก๊งเดียวกันอ้างชื่อ ร.ต.อ.ภาณุพงศ์ ระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. ทั้งที่ไม่มีตัวตนจริง โดยคนร้ายข่มขู่ผู้เสียหายว่าบัญชีเงินฝากถูกใช้ไปเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หากไม่ส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด ผู้เสียหายระบุว่า คนร้ายพยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างถึงชื่อบุคคลใกล้ชิด ทำให้ยิ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง จึงหลงโอนเงินไปให้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบัญชีปลายทางที่ผู้เสียหายโอนเงินไปพบว่าเงินถูกถอนออกไปทั้งหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนไปยังประชาชนทุกสาขาอาชีพให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยก่อนหน้านี้อาละวาดหนักในกลุ่มครู จนกระทั่ง ปปง.ทำหนังสือไปยังสถานศึกษาต่างๆ ให้ระมัดระวัง ทำให้แก๊งดังกล่าวเปลี่ยนไปหลอกลวงกลุ่มอื่นอีก เช่น ผู้เสียหาย 3 รายในวันนี้ มีทั้งอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ครู และพยาบาล ซึ่งผู้เสียหายรับว่า ไม่ค่อยติดตามข่าวสารทำให้ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ซึ่ง ปปง.จะเร่งติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขอเตือนไปยังผู้รับจ้างเปิดบัญชีรับเงินให้แก๊งเหล่านี้ว่า ให้รีบไปติดต่อขอปิดบัญชีกับธนาคาร เพราะมีโทษตามกฎหมายฟอกเงินจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 20,000-200,000 บาท
ล่าสุด วันนี้เพียงวันเดียว ปปง.ได้รับแจ้งจากเหยื่อ 3 รายว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งหมดถูกหลอกโดยแก๊งเดียวกันอ้างชื่อ ร.ต.อ.ภาณุพงศ์ ระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. ทั้งที่ไม่มีตัวตนจริง โดยคนร้ายข่มขู่ผู้เสียหายว่าบัญชีเงินฝากถูกใช้ไปเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หากไม่ส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด ผู้เสียหายระบุว่า คนร้ายพยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างถึงชื่อบุคคลใกล้ชิด ทำให้ยิ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง จึงหลงโอนเงินไปให้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบัญชีปลายทางที่ผู้เสียหายโอนเงินไปพบว่าเงินถูกถอนออกไปทั้งหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนไปยังประชาชนทุกสาขาอาชีพให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยก่อนหน้านี้อาละวาดหนักในกลุ่มครู จนกระทั่ง ปปง.ทำหนังสือไปยังสถานศึกษาต่างๆ ให้ระมัดระวัง ทำให้แก๊งดังกล่าวเปลี่ยนไปหลอกลวงกลุ่มอื่นอีก เช่น ผู้เสียหาย 3 รายในวันนี้ มีทั้งอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ครู และพยาบาล ซึ่งผู้เสียหายรับว่า ไม่ค่อยติดตามข่าวสารทำให้ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ซึ่ง ปปง.จะเร่งติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขอเตือนไปยังผู้รับจ้างเปิดบัญชีรับเงินให้แก๊งเหล่านี้ว่า ให้รีบไปติดต่อขอปิดบัญชีกับธนาคาร เพราะมีโทษตามกฎหมายฟอกเงินจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 20,000-200,000 บาท