ASTVผู้จัดการ - ปปง. เผย ยึดทรัพย์ขบวนการค้ามนุษย์แล้ว 226 ล้านบาท ขานรับนโยบายรัฐบาล ยกระดับการแก้ปัญหาค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ ระบุ ยึดทรัพย์ขบวนการลักลอบค้าโรฮิงญาแล้ว 32 ล้านบาท
วันนี้ (7 พ.ค.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศวาระแห่งชาติ เรื่องการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา และ กำชับให้ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการการทำงานให้สอดคล้อง เพื่อนำไปสู่เป้าหมายว่า สำนักงาน ปปง. สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ไปแล้ว จำนวน 29 คดี รวมมูลค่าประมาณ 226,000,000 ล้านบาท ได้แก่ 1. สำนักงาน ปปง. ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 จนถึงปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 20 คดี มูลค่าทรัพย์สิน ประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้วตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยเป็นการดำเนินการก่อน ที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ มีผลบังคับใช้
2. เมื่อกฎหมายค้ามนุษย์มีผลบังคับใช้ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2551 สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์จำนวน 4 คดี มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 37 ล้านบาท แยกเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ จำนวน 3 คดี มูลค่า 34 ล้านบาท และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น เช่นกรณีจ้างหญิงชาวเวียดนาม รับจ้างตั้งครรภ์ จำนวน 1 คดี มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท โดยศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้ว
และ 3. ขณะนี้ ปปง. ได้อายัดทรัพย์สิน เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ร่วมขบวนการลักลอบนำพาชาวโรฮิงญา ซึ่งมีการบังคับใช้แรงงานที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 121 รายการ มูลค่าประมาณ 32 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการส่งสำนวนให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ ปปง. ยังดำเนินการตรวจสอบติดตามทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องและหากพบว่ามีทรัพย์สินที่ได้จากความผิดดังกล่าวจะได้ดำเนินการยึดและอายัดเพิ่มเติม ต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. มีเรื่องที่อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบทรัพย์สินเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ที่ได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก จำนวน 160 เรื่อง
“นอกจากการยึดและอายัดทรัพย์สินแล้ว สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ปรากฏว่า ไม่พบทรัพย์สินที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ จำนวน 77 เรื่อง จึงได้เก็บไว้เป็นฐานข้อมูล และถึงแม้จะไม่พบทรัพย์สิน แต่พนักงานสอบสวนก็ได้มีการดำเนินคดีในความผิดมูลฐานค้ามนุษย์ต่อไปได้” เลขาธิการ ปปง. ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ สำนักงาน ปปง. ได้เข้าร่วมเป็นคณะทำงานติดตามตรวจสอบการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เป็นภัยสังคมด้านแรงงานผู้หลบหนีเข้าเมืองและการค้ามนุษย์ เพื่อผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการ การทำงานแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อีกด้วย
