นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงคดีแพ่ง ที่ศาลพิพากษาให้แกนนำพันธมิตรฯ 13 คน ชดใช้ค่าเสียหาย 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ จากการบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ว่า หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในทุกประเด็น ให้แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 13 คน ต้องชดใช้เงินค่าเสียหายแล้ว คดีจะครบกำหนดยื่นฎีกาในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ซึ่งตนและทีมทนายความ กำลังพิจารณารายละเอียดเพื่อยื่นฎีกาต่อสู้คดี ซึ่งเป็นไปได้ที่ยังยื่นคำฎีกาไม่ทันช่วงกำหนดดังกล่าว ดังนั้น จึงเตรียมแนวทางที่จะยื่นคำร้องขอยายเวลาฎีกาก่อน ขณะที่ตามขั้นตอนการฎีกาคดีนี้ ฝ่ายจำเลยจะต้องหาเงิน 7 ล้านบาท วางเป็นค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฎีกาด้วย ซึ่งเตรียมจะยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาเป็นกรณีอนาถาเพื่องดการวางเงินค่าธรรมเนียม 7 ล้านบาท ในการฎีกาด้วย ซึ่งต้องดูว่าศาลจะพิจารณาอย่างไร
สำหรับกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวก ซึ่งเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รวม 13 คน ในคดีหมายเลขดำที่ 6453/2551 ซึ่ง ทอท.ให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย กรณีระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2551 พวกจำเลย ร่วมกันนำผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน ไปบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อประท้วงรัฐบาลและขับไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ทำให้การให้บริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยานทั้งสองต้องหยุดลง
คดีนี้ศาลแพ่ง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2554 ให้จำเลยทั้ง 13 คน ร่วมกันชดใช้เงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ รวมทั้งให้จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาทด้วย
สำหรับกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวก ซึ่งเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รวม 13 คน ในคดีหมายเลขดำที่ 6453/2551 ซึ่ง ทอท.ให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย กรณีระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2551 พวกจำเลย ร่วมกันนำผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน ไปบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อประท้วงรัฐบาลและขับไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ทำให้การให้บริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยานทั้งสองต้องหยุดลง
คดีนี้ศาลแพ่ง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2554 ให้จำเลยทั้ง 13 คน ร่วมกันชดใช้เงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ รวมทั้งให้จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาทด้วย