วันนี้ (22 มิ.ย.) เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเนปยีดอ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 6 (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน
ACMECS เป็นกรอบความร่วมมือที่เป็นข้อริเริ่มของไทยเมื่อปี 2546 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาค และสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียน ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมระดับผู้นำแล้ว 5 ครั้ง โดยจัดขึ้นทุกสองปี การประชุมครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเดือนมีนาคม 2556 ขณะที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำครั้งต่อไป (ครั้งที่ 7) ในอีกสองปีข้างหน้า
การประชุมครั้งนี้ ผู้นำของประเทศสมาชิกประกอบด้วย ไทย กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม จะหารือแนวทางการสานต่อความร่วมมือใน 8 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรมและพลังงาน การเชื่อมโยงคมนาคม การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้นำจะรับรองร่างแผนปฏิบัติการ ACMECS ปี 2559-2561 เพื่อวางกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือภายใต้กรอบ ACMECS ในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ ไทยจะเสนอผลการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งข้ามพรมแดน ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไทย-สปป.ลาว-พม่า-เวียดนาม เกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) ครั้งที่ 3 และผลักดันโครงการสำคัญ อาทิ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย และการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคภายใต้แนวคิด "ห้าประเทศหนึ่งจุดหมาย" การจัดตั้งเมืองคู่แฝด เพื่อสร้างเสริมความร่วมมือระหว่างเมืองชายแดน
นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสที่ไทยจะแสดงบทบาทในการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและเป็นผู้นำความร่วมมือในอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมา ไทยให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และให้ทุนการศึกษาและฝึกอบรม โดยเฉพาะสาขาสาธารณสุขและเกษตรกรรมอย่างต่อเนื่อง ในฐานะประเทศสมาชิก ไทยพร้อมร่วมมือในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและส่งเสริมเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาในภูมิภาคร่วมกัน รวมทั้งเร่งสร้างความกินดีอยู่ดีของประชาชน ขจัดความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นการสร้างคุณูปการให้แก่ภูมิภาคอย่างแท้จริง
นอกจากการประชุมระดับผู้นำประเทศแล้ว ภาคเอกชนยังได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุม ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของ ACMECS ด้วย
ACMECS เป็นกรอบความร่วมมือที่เป็นข้อริเริ่มของไทยเมื่อปี 2546 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาค และสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียน ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมระดับผู้นำแล้ว 5 ครั้ง โดยจัดขึ้นทุกสองปี การประชุมครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเดือนมีนาคม 2556 ขณะที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำครั้งต่อไป (ครั้งที่ 7) ในอีกสองปีข้างหน้า
การประชุมครั้งนี้ ผู้นำของประเทศสมาชิกประกอบด้วย ไทย กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม จะหารือแนวทางการสานต่อความร่วมมือใน 8 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรมและพลังงาน การเชื่อมโยงคมนาคม การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้นำจะรับรองร่างแผนปฏิบัติการ ACMECS ปี 2559-2561 เพื่อวางกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือภายใต้กรอบ ACMECS ในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ ไทยจะเสนอผลการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งข้ามพรมแดน ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไทย-สปป.ลาว-พม่า-เวียดนาม เกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) ครั้งที่ 3 และผลักดันโครงการสำคัญ อาทิ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย และการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคภายใต้แนวคิด "ห้าประเทศหนึ่งจุดหมาย" การจัดตั้งเมืองคู่แฝด เพื่อสร้างเสริมความร่วมมือระหว่างเมืองชายแดน
นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสที่ไทยจะแสดงบทบาทในการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและเป็นผู้นำความร่วมมือในอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมา ไทยให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และให้ทุนการศึกษาและฝึกอบรม โดยเฉพาะสาขาสาธารณสุขและเกษตรกรรมอย่างต่อเนื่อง ในฐานะประเทศสมาชิก ไทยพร้อมร่วมมือในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและส่งเสริมเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาในภูมิภาคร่วมกัน รวมทั้งเร่งสร้างความกินดีอยู่ดีของประชาชน ขจัดความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นการสร้างคุณูปการให้แก่ภูมิภาคอย่างแท้จริง
นอกจากการประชุมระดับผู้นำประเทศแล้ว ภาคเอกชนยังได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุม ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของ ACMECS ด้วย
