จากกรณีที่ตำรวจสืบสวน จ.นนทบุรี และ จ.สุพรรณบุรี สนธิกำลังทลายคลังแสงจับ นายนิสิต เพียรสัมฤทธิ์ อายุ 41 ปี เสี่ยก่อสร้างเจ้าของร้าน "กิจไพศาล" เลขที่ 10/5 หมู่ 2 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ได้อาวุธปืนจำนวน ขนาดต่างๆ 29 กระบอก พร้อมกระสุนนับพันนัด ก่อนนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนทั้งหมดปรากฏว่ามีใบอนุญาตถูกต้องทั้งหมด มีเพียง 4 กระบอกเท่านั้นที่เป็นชื่อของคนอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีไปแล้วในเบื้องต้น สอบสวนนายนิสิตให้การว่าเป็นคนชอบสะสมอาวุธปืน รับจำนำปืน และชอบยิงปืน ปี 2552 เคยถูกจับดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้ว เบื้องต้นตำรวจได้ยึดอาวุธปืนทั้งหมดไปตรวจสอบ หากพบว่ากระบอกไหนเคยถูกนำไปก่อเหตุก็จะสืบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ต้องหาที่มีการเปิดเว็บไซต์ขายอาวุธปืนนั้น ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ก็ต้องไปตรวจสอบเรื่องของใบอนุญาตขายปืนนั้นหากพบว่ามีการกระทำผิดก็ดำเนินคดี
พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มอีกว่า ส่วนกรณีที่ถูกนายเขมทัต หรือคิม เลิศลักขณากุล อายุ 31 ปี มือสังหารนายทิวะพันธ์ เปาอินทร์ อายุ 31 ปี ลูกชาย พ.ต.อ.อนันต์ เปาอินทร์ อายุ 73 ปี และหลานของ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตรองนายกฯ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาซัดทอดว่าซื้อปืนมาจากนายนิสิตนั้นขอให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจภาค 1 ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้สอบถามถึงความคืบหน้าในคดีนี้พร้อมกำชับให้ดำเนินคดีด้วยความรวดเร็วและรัดกุม พร้อมทั้งให้ตรวจสอบว่าอาวุธปืนทั้งหมดนั้นได้มาอย่างไร โดยให้ประสานกับทางฝ่ายปกครองด้วย
ขณะเดียวกัน นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ยังได้เปิดเผยว่ารู้สึกตกใจที่เห็นอาวุธขนาดนี้ เบื้องต้นได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบถึงที่มาของปืนว่าถูกต้องหรือไม่ ในส่วนของการขอใบอนุญาตซื้อปืนนั้นจะขึ้นอยู่กับนายทะเบียนหรือนายอำเภอพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อออกใบอนุญาตซื้อปืน ต้องดูพฤติกรรมของผู้ขอซื้อว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในส่วนของนายนิสิตนั้นเมื่อปี 2552 เคยถูกดำเนินคดีครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้ว ซึ่งหากมองในพฤติกรรมแล้วก็ชัดเจนว่าเคยถูกดำเนินคดีแล้วด้วย พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ขายอาวุธ อุปกรณ์ตกแต่งและกระสุนอย่างเปิดเผยแต่ทำไมถึงได้รับอนุญาตมา ต้องตรวจสอบเพิ่ม
รอง ผวจ.กล่าวเสริมต่อว่า ที่สำคัญโดยปกติแล้วนายทะเบียนจะอนุญาตให้ครอบครองได้ไม่เกินคนละ 2 กระบอก หากมากกว่านั้นถ้าหากขอเพื่อการสะสม หรือเป็นนักกีฬายิงปืนก็พิจารณาเป็นกรณีไปตามความเหมาะสม ส่วนนายนิสิตนั้นทราบว่า มีทะเบียนถูกต้องทุกกระบอกแต่มีการดัดแปลง ตกแต่ง ซึ่งจริงๆ แล้วจะต้องแจ้งมายังนายทะเบียนให้ทราบด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะต้องประสานรายละเอียดกับทางตำรวจอีกครั้ง และตรวจสอบระบบการขอเอกสารซื้อปืนเพื่อประชุมหาทางออกต่อไปในอนาคตว่าควรจะเป็นอย่างไร
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนทั้งหมดปรากฏว่ามีใบอนุญาตถูกต้องทั้งหมด มีเพียง 4 กระบอกเท่านั้นที่เป็นชื่อของคนอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีไปแล้วในเบื้องต้น สอบสวนนายนิสิตให้การว่าเป็นคนชอบสะสมอาวุธปืน รับจำนำปืน และชอบยิงปืน ปี 2552 เคยถูกจับดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้ว เบื้องต้นตำรวจได้ยึดอาวุธปืนทั้งหมดไปตรวจสอบ หากพบว่ากระบอกไหนเคยถูกนำไปก่อเหตุก็จะสืบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ต้องหาที่มีการเปิดเว็บไซต์ขายอาวุธปืนนั้น ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ก็ต้องไปตรวจสอบเรื่องของใบอนุญาตขายปืนนั้นหากพบว่ามีการกระทำผิดก็ดำเนินคดี
พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มอีกว่า ส่วนกรณีที่ถูกนายเขมทัต หรือคิม เลิศลักขณากุล อายุ 31 ปี มือสังหารนายทิวะพันธ์ เปาอินทร์ อายุ 31 ปี ลูกชาย พ.ต.อ.อนันต์ เปาอินทร์ อายุ 73 ปี และหลานของ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตรองนายกฯ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาซัดทอดว่าซื้อปืนมาจากนายนิสิตนั้นขอให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจภาค 1 ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้สอบถามถึงความคืบหน้าในคดีนี้พร้อมกำชับให้ดำเนินคดีด้วยความรวดเร็วและรัดกุม พร้อมทั้งให้ตรวจสอบว่าอาวุธปืนทั้งหมดนั้นได้มาอย่างไร โดยให้ประสานกับทางฝ่ายปกครองด้วย
ขณะเดียวกัน นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ยังได้เปิดเผยว่ารู้สึกตกใจที่เห็นอาวุธขนาดนี้ เบื้องต้นได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบถึงที่มาของปืนว่าถูกต้องหรือไม่ ในส่วนของการขอใบอนุญาตซื้อปืนนั้นจะขึ้นอยู่กับนายทะเบียนหรือนายอำเภอพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อออกใบอนุญาตซื้อปืน ต้องดูพฤติกรรมของผู้ขอซื้อว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในส่วนของนายนิสิตนั้นเมื่อปี 2552 เคยถูกดำเนินคดีครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้ว ซึ่งหากมองในพฤติกรรมแล้วก็ชัดเจนว่าเคยถูกดำเนินคดีแล้วด้วย พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ขายอาวุธ อุปกรณ์ตกแต่งและกระสุนอย่างเปิดเผยแต่ทำไมถึงได้รับอนุญาตมา ต้องตรวจสอบเพิ่ม
รอง ผวจ.กล่าวเสริมต่อว่า ที่สำคัญโดยปกติแล้วนายทะเบียนจะอนุญาตให้ครอบครองได้ไม่เกินคนละ 2 กระบอก หากมากกว่านั้นถ้าหากขอเพื่อการสะสม หรือเป็นนักกีฬายิงปืนก็พิจารณาเป็นกรณีไปตามความเหมาะสม ส่วนนายนิสิตนั้นทราบว่า มีทะเบียนถูกต้องทุกกระบอกแต่มีการดัดแปลง ตกแต่ง ซึ่งจริงๆ แล้วจะต้องแจ้งมายังนายทะเบียนให้ทราบด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะต้องประสานรายละเอียดกับทางตำรวจอีกครั้ง และตรวจสอบระบบการขอเอกสารซื้อปืนเพื่อประชุมหาทางออกต่อไปในอนาคตว่าควรจะเป็นอย่างไร