ผบช.ก.สั่งกองปราบฯ เร่งจับกุมมือสังหารหลานวิโรจน์ เปาอินทร์ คาด 2 สัปดาห์คดีคืบหน้า ยันคนร้ายใช้กระสุนปืน .223 ที่ใช้ได้กับปืนเอ็ม 16 และเอชเค จนท.เร่งวิเคราะห์หากลุ่มมือปืนและตรวจสอบมีการดัดแปลงลำกล้องปืนเป็นสไนเปอร์หรือไม่
วันนี้ (5 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.พันชนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป.เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีสังหารนายทิวะพันธุ์ เปาอินทร์
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า เบื้องต้นทีมสืบสวนต้องตั้งสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้ก่อนว่ามาจากสาเหตุใด สาเหตุที่ได้ต้องมาจากการซักถามพยานแวดล้อม ญาติ ครอบครัว รวมทั้งบุคคลใกล้ชิด หลังจากนั้นเมื่อได้ประเด็นแล้วก็จะนำมาวิเคราะห์ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ และจัดลำดับของประเด็นที่ได้ รวมทั้งคัดกรองพิสูจน์ว่าในแต่ละประเด็นที่ได้มานั้นอันไหนมีน้ำหนักมากน้อยกว่ากันก่อนที่จะตัดประเด็นและทำการสืบสวนในประเด็นนั้นๆ คาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้
“คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถบอกในรายละเอียดได้ หรืออาจจะมีประเด็นอื่นๆ ที่บางครั้งครอบครัวอาจไม่รู้ แต่จะมีเฉพาะเพื่อนในกลุ่มที่สนิทเท่านั้นที่ทราบ เช่น ก่อนเกิดเหตุผู้ตายมีปัญหากกับใครบ้างซึ่งชุดสืบสวนกำลังสืบสวนอยู่และกระทำโดยรอบคอบที่สุด” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีหลายประเด็นที่เจ้าหน้าที่สืบทราบ รวมทั้งประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมประเด็นความขัดแย้งทั้งหมดมาพิสูจน์ให้แน่ชัด ขณะนี้ใครพูดถึงประเด็นไหน เจ้าหน้าที่พยายามที่จะสืบสวนทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.อัครเดชกล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจกองปราบปรามได้ลงพื้นที่เพื่อทำงานร่วมกันกับทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และชุดสืบสวน สภ.นนทบุรี เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประชุมร่วมกัน ในส่วนของกองบังคับการปราบปรามได้ประชุมความคืบหน้าเป็นระยะเพื่อตีกรอบการสืบสวนให้แคบลง ซึ่งประเด็นการสืบสวนในขณะนี้ทาง บช.ภ.1 และ บก.ป.มีความสอดคล้องกัน แต่มีในบางประเด็นที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแพทย์เสริมความงามอยู่ในข่ายที่เราทำการพิสูจน์ทราบเพื่อให้คลายข้อสงสัย แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงแพทย์คนดังกล่าว เพียงแต่อยู่ในกลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนและตรวจสอบ
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวอีกว่า สำหรับชนวนสังหารนั้นขณะนี้ยังมุ่งไปทั้ง 3 ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว คือกรณีที่ผู้เสียชีวิตมีความขัดแย้งกับแพทย์คนหนึ่งเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์หรูแล้วไม่สามารถโอนได้, กรณีความขัดแย้งกับนายตั้มนครปฐม ที่เคยรู้จักและนำรถมาจำนำกับผู้เสียชีวิตหลายคัน และกรณีที่ผู้เสียชีวิตไปยืมเงินจากเสี่ยช้าง 10 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจรับจำนำและซื้อขายรถหรู แต่ไม่สามารถนำเงินไปคืนให้เสี่ยช้าง ทุกประเด็นเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้งออกไป โดยยังคงให้น้ำหนักกับทุกกรณี อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนยังคงเร่งตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อวิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ เช่น การมีคนคอยดูต้นทางให้กับมือปืนที่ก่อเหตุ จุดที่มือปืนดักรอและซุ่มยิงในระยะหวังผล รวมทั้งอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ว่าเป็นอาวุธปืนชนิดใด
เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนยาว กระสุนขนาด .223 เป็นกระสุนที่ใช้กับปืนขนาดเอ็ม 16 และปืนเอชเค อีกทั้งกำลังตรวจสอบว่าคนร้ายมีการดัดแปลงลำกล้องเพื่อเปลี่ยนเป็นปืนชนิดพิเศษหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะนำมาวิเคราะห์กลุ่มคนหรือมือปืนที่ใช้ปืนชนิดนี้หรือกลุ่มคนที่มีความชำนาญซึ่งตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.พันชนะ นุชนารถ พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ป.นำทีมสืบสวนช่วยกันพิสูจน์ประเด็นต่างๆ
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของบริษัทห้างร้านและบ้านเรือนต่างๆ เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะของคนร้าย รวมทั้งเส้นทางการหลบหนีเพื่อรวบรวมข้อมูลในการสืบสวนติดตามคนร้ายด้วย
วันนี้ (5 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.พันชนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป.เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีสังหารนายทิวะพันธุ์ เปาอินทร์
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า เบื้องต้นทีมสืบสวนต้องตั้งสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้ก่อนว่ามาจากสาเหตุใด สาเหตุที่ได้ต้องมาจากการซักถามพยานแวดล้อม ญาติ ครอบครัว รวมทั้งบุคคลใกล้ชิด หลังจากนั้นเมื่อได้ประเด็นแล้วก็จะนำมาวิเคราะห์ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ และจัดลำดับของประเด็นที่ได้ รวมทั้งคัดกรองพิสูจน์ว่าในแต่ละประเด็นที่ได้มานั้นอันไหนมีน้ำหนักมากน้อยกว่ากันก่อนที่จะตัดประเด็นและทำการสืบสวนในประเด็นนั้นๆ คาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้
“คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถบอกในรายละเอียดได้ หรืออาจจะมีประเด็นอื่นๆ ที่บางครั้งครอบครัวอาจไม่รู้ แต่จะมีเฉพาะเพื่อนในกลุ่มที่สนิทเท่านั้นที่ทราบ เช่น ก่อนเกิดเหตุผู้ตายมีปัญหากกับใครบ้างซึ่งชุดสืบสวนกำลังสืบสวนอยู่และกระทำโดยรอบคอบที่สุด” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีหลายประเด็นที่เจ้าหน้าที่สืบทราบ รวมทั้งประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมประเด็นความขัดแย้งทั้งหมดมาพิสูจน์ให้แน่ชัด ขณะนี้ใครพูดถึงประเด็นไหน เจ้าหน้าที่พยายามที่จะสืบสวนทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.อัครเดชกล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจกองปราบปรามได้ลงพื้นที่เพื่อทำงานร่วมกันกับทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และชุดสืบสวน สภ.นนทบุรี เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประชุมร่วมกัน ในส่วนของกองบังคับการปราบปรามได้ประชุมความคืบหน้าเป็นระยะเพื่อตีกรอบการสืบสวนให้แคบลง ซึ่งประเด็นการสืบสวนในขณะนี้ทาง บช.ภ.1 และ บก.ป.มีความสอดคล้องกัน แต่มีในบางประเด็นที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแพทย์เสริมความงามอยู่ในข่ายที่เราทำการพิสูจน์ทราบเพื่อให้คลายข้อสงสัย แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงแพทย์คนดังกล่าว เพียงแต่อยู่ในกลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนและตรวจสอบ
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวอีกว่า สำหรับชนวนสังหารนั้นขณะนี้ยังมุ่งไปทั้ง 3 ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว คือกรณีที่ผู้เสียชีวิตมีความขัดแย้งกับแพทย์คนหนึ่งเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์หรูแล้วไม่สามารถโอนได้, กรณีความขัดแย้งกับนายตั้มนครปฐม ที่เคยรู้จักและนำรถมาจำนำกับผู้เสียชีวิตหลายคัน และกรณีที่ผู้เสียชีวิตไปยืมเงินจากเสี่ยช้าง 10 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจรับจำนำและซื้อขายรถหรู แต่ไม่สามารถนำเงินไปคืนให้เสี่ยช้าง ทุกประเด็นเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้งออกไป โดยยังคงให้น้ำหนักกับทุกกรณี อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนยังคงเร่งตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อวิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ เช่น การมีคนคอยดูต้นทางให้กับมือปืนที่ก่อเหตุ จุดที่มือปืนดักรอและซุ่มยิงในระยะหวังผล รวมทั้งอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ว่าเป็นอาวุธปืนชนิดใด
เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนยาว กระสุนขนาด .223 เป็นกระสุนที่ใช้กับปืนขนาดเอ็ม 16 และปืนเอชเค อีกทั้งกำลังตรวจสอบว่าคนร้ายมีการดัดแปลงลำกล้องเพื่อเปลี่ยนเป็นปืนชนิดพิเศษหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะนำมาวิเคราะห์กลุ่มคนหรือมือปืนที่ใช้ปืนชนิดนี้หรือกลุ่มคนที่มีความชำนาญซึ่งตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง พ.ต.อ.พันชนะ นุชนารถ พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ป.นำทีมสืบสวนช่วยกันพิสูจน์ประเด็นต่างๆ
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของบริษัทห้างร้านและบ้านเรือนต่างๆ เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะของคนร้าย รวมทั้งเส้นทางการหลบหนีเพื่อรวบรวมข้อมูลในการสืบสวนติดตามคนร้ายด้วย
