ผู้การกองปราบ เร่งแกะรอยคดีสังหารหลานชาย “วิโรจน์ เปาอินทร์” อดีต หน.เพื่อไทย เบื้องต้น ให้น้ำหนักขัดแย้งธุรกิจนำเข้ารถ โยง “ตั้ม นครปฐม-เสธ น.” ไม่พอใจผู้ตายทวงเงิน 10 ล้าน
วันนี้ (2 พ.ค.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทน ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีสังหาร นายทิวะพันธุ์ เปาอินทร์ อายุ 31 ปี หลานชาย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2.บก.ป. พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.2.บก.ป. ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมประสานข้อมูลกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี และตำรวจฝ่ายสืบสวน จ.นนทบุรี เพื่อนำไปสู่การติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนในประเด็นต่างๆ ว่าผู้ตายมีความขัดแย้งกับใครบ้างที่น่าจะเป็นมูลเหตุในการสังหารครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งธุรกิจรถนำเข้า หรือเกย์มาร์เกตที่ผู้ตายประกอบธุรกิจอยู่ รวมทั้งความขัดแย้งเรื่องเงิน จำนวน 10 ล้านบาท ที่ปรากฏชื่อ “ตั้ม นครปฐม และเสธ น.” ซึ่งขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนตรวจสอบความเชื่อมโยงแล้ว
รายงานจากตำรวจฝ่ายสืบสวนเผยว่า ภายหลังการประชุมคลี่คลายคดีนั้น ชุดสืบสวนได้พุ่งปมสังหารรวมทั้งความขัดแย้งของผู้ตายออกเป็น 3-4 ประเด็น เช่น เรื่องความขัดแย้งธุรกิจที่ผู้ตายทำ และถูกลูกน้องเก่า“ตั้ม นครปฐม” ยักยอกเงิน และเสธ น.เข้าไปมีส่วนร่วม จนเกิดดความขัดแย้ง เรื่องความขัดแย้งธุรกิจรถนำเข้า หรือเกรย์มาร์เกตที่ผู้ตายประกอบธุรกิจอยู่ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะ และอยู่ในแวดวงไฮโซ
โดยก่อนหน้านี้ ได้มีลูกค้ารายหนึ่งที่นำรถมาฝากขายไว้ในราคาเกือบ 10 ล้านบาท และไม่มาไถ่ถอนจนผู้ตายต้องไปทวงเงินคืน เรื่องที่ผู้ตายเคยมีเรื่องกับเจ้าของโรงแรมใน จ.ภูเก็ต คนหนึ่ง ถึงขั้นมีการชักปืนข่มขู่กันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เรื่องความขัดแย้งกับนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมนั้น ทีมสืบสวนให้เป็นประเด็นรอง เนื่องจากหลังเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายได้ให้ผู้ใหญ่มาพูดคุยเจรจาเคลียร์ปัญหากันแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง
วันนี้ (2 พ.ค.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทน ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีสังหาร นายทิวะพันธุ์ เปาอินทร์ อายุ 31 ปี หลานชาย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2.บก.ป. พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.2.บก.ป. ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมประสานข้อมูลกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี และตำรวจฝ่ายสืบสวน จ.นนทบุรี เพื่อนำไปสู่การติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนในประเด็นต่างๆ ว่าผู้ตายมีความขัดแย้งกับใครบ้างที่น่าจะเป็นมูลเหตุในการสังหารครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งธุรกิจรถนำเข้า หรือเกย์มาร์เกตที่ผู้ตายประกอบธุรกิจอยู่ รวมทั้งความขัดแย้งเรื่องเงิน จำนวน 10 ล้านบาท ที่ปรากฏชื่อ “ตั้ม นครปฐม และเสธ น.” ซึ่งขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนตรวจสอบความเชื่อมโยงแล้ว
รายงานจากตำรวจฝ่ายสืบสวนเผยว่า ภายหลังการประชุมคลี่คลายคดีนั้น ชุดสืบสวนได้พุ่งปมสังหารรวมทั้งความขัดแย้งของผู้ตายออกเป็น 3-4 ประเด็น เช่น เรื่องความขัดแย้งธุรกิจที่ผู้ตายทำ และถูกลูกน้องเก่า“ตั้ม นครปฐม” ยักยอกเงิน และเสธ น.เข้าไปมีส่วนร่วม จนเกิดดความขัดแย้ง เรื่องความขัดแย้งธุรกิจรถนำเข้า หรือเกรย์มาร์เกตที่ผู้ตายประกอบธุรกิจอยู่ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะ และอยู่ในแวดวงไฮโซ
โดยก่อนหน้านี้ ได้มีลูกค้ารายหนึ่งที่นำรถมาฝากขายไว้ในราคาเกือบ 10 ล้านบาท และไม่มาไถ่ถอนจนผู้ตายต้องไปทวงเงินคืน เรื่องที่ผู้ตายเคยมีเรื่องกับเจ้าของโรงแรมใน จ.ภูเก็ต คนหนึ่ง ถึงขั้นมีการชักปืนข่มขู่กันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เรื่องความขัดแย้งกับนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมนั้น ทีมสืบสวนให้เป็นประเด็นรอง เนื่องจากหลังเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายได้ให้ผู้ใหญ่มาพูดคุยเจรจาเคลียร์ปัญหากันแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง
