ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของวิกฤตหนี้สินกรีซ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 99.89 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 18,015.95 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.25 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 2,109.99 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 15.95 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 5,117.00 จุด
เนื่องจากตลาดยังไร้ปัจจัยชี้นำใหม่ๆ นักลงทุนจึงหันไปให้ความสำคัญกับสถานการณ์วิกฤตหนี้สินของกรีซ โดยผู้นำประเทศยุโรปมีกำหนดจะประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซในวันจันทร์นี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่การประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปไม่สามารถทำข้อตกลงในประเด็นวิกฤตหนี้สินของกรีซได้
ด้านสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 0.1 ดอลลาร์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,201.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตระกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08% แตะที่ 94.09
ทั้งนี้ ราคาทองคำโดยปกติจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันกันข้ามกับดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า หากดอลลาร์ดีดตัวขึ้น สัญญาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากทองคำจะมีราคาเพิ่มขึ้นสำหรับนักลงทุน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากยังไม่มีแนวโน้มของการบรรลุข้อตกลงในประเด็นปัญหาหนี้สินกรีซ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 84 เซนต์ ปิดที่ 59.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 63.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผู้นำประเทศยุโรปมีกำหนดจะประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซในวันจันทร์นี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่การประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปไม่สามารถทำข้อตกลงในประเด็นวิกฤตหนี้สินของกรีซได้
นายเจอโรน ดิจเซลโบลม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์และประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป กล่าวในงานแถลงข่าวภายหลังการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ว่า “ยังไม่มีแนวโน้มในการทำข้อตกลงเกี่ยวกับหนี้สินกรีซ"
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายเป็นเงินสกุลดอลลาร์มีราคารสูงขึ้นและขาดแรงดึงดูดสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 99.89 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 18,015.95 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.25 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 2,109.99 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 15.95 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 5,117.00 จุด
เนื่องจากตลาดยังไร้ปัจจัยชี้นำใหม่ๆ นักลงทุนจึงหันไปให้ความสำคัญกับสถานการณ์วิกฤตหนี้สินของกรีซ โดยผู้นำประเทศยุโรปมีกำหนดจะประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซในวันจันทร์นี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่การประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปไม่สามารถทำข้อตกลงในประเด็นวิกฤตหนี้สินของกรีซได้
ด้านสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 0.1 ดอลลาร์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,201.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตระกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08% แตะที่ 94.09
ทั้งนี้ ราคาทองคำโดยปกติจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันกันข้ามกับดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า หากดอลลาร์ดีดตัวขึ้น สัญญาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากทองคำจะมีราคาเพิ่มขึ้นสำหรับนักลงทุน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากยังไม่มีแนวโน้มของการบรรลุข้อตกลงในประเด็นปัญหาหนี้สินกรีซ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 84 เซนต์ ปิดที่ 59.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 63.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผู้นำประเทศยุโรปมีกำหนดจะประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซในวันจันทร์นี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่การประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปไม่สามารถทำข้อตกลงในประเด็นวิกฤตหนี้สินของกรีซได้
นายเจอโรน ดิจเซลโบลม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์และประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป กล่าวในงานแถลงข่าวภายหลังการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ว่า “ยังไม่มีแนวโน้มในการทำข้อตกลงเกี่ยวกับหนี้สินกรีซ"
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายเป็นเงินสกุลดอลลาร์มีราคารสูงขึ้นและขาดแรงดึงดูดสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศ