ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทดูปองท์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจากปัญหาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสความวิตกกังวลเกิดขึ้นในตลาดว่า กรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 21 เม.ย. แบบไร้ทิศทาง โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 85.34 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 17949.59 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 3.11 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2097.29 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 19.5 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 5014.10 จุด
ข่าวบริษัท ตีวา ของอิสราเอลประกาศซื้อบริษัท มายแลน ด้วยเงินสดและหุ้นมูลค่า 4.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เกทับข้อเสนอของบริษัท เปร์ริโก ที่ก่อนหน้านี้เสนอซื้อบริษัท มายแลน ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้หุ้นกลุ่มบริษัทยาเพิ่มสูงขึ้น ช่วยหนุนแนสแด็กปิดบวกเพียงตลาดเดียว
ในทางกลับกัน การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อผลประกอบไตรมาสที่ 1 ของบริษัทจดทะเบียน ทำให้หุ้นของดาวโจนส์และเอสแอนด์พีปิดลบ
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระแสข่าวพันธมิตรซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย ยุติปฏิบัติการทางอากาศถล่มนักรบฮูตีในเยเมนที่ยืดเยื้อมานานราว 4 สัปดาห์ ฉุดให้ราคาน้ำมันดิ่งลงเพิ่มเติมในช่วงบ่ายของการซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(21เม.ย.) ฟื้นตัวขึ้น หลังความกังวลต่อวิกฤตหนี้สินกรีซ กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,203.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวลง 0.06% แตะที่ 97.85 เมื่อวานนี้ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดทองคำต่างก็ระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 21 เม.ย. แบบไร้ทิศทาง โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 85.34 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 17949.59 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 3.11 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2097.29 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 19.5 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 5014.10 จุด
ข่าวบริษัท ตีวา ของอิสราเอลประกาศซื้อบริษัท มายแลน ด้วยเงินสดและหุ้นมูลค่า 4.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เกทับข้อเสนอของบริษัท เปร์ริโก ที่ก่อนหน้านี้เสนอซื้อบริษัท มายแลน ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้หุ้นกลุ่มบริษัทยาเพิ่มสูงขึ้น ช่วยหนุนแนสแด็กปิดบวกเพียงตลาดเดียว
ในทางกลับกัน การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อผลประกอบไตรมาสที่ 1 ของบริษัทจดทะเบียน ทำให้หุ้นของดาวโจนส์และเอสแอนด์พีปิดลบ
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระแสข่าวพันธมิตรซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย ยุติปฏิบัติการทางอากาศถล่มนักรบฮูตีในเยเมนที่ยืดเยื้อมานานราว 4 สัปดาห์ ฉุดให้ราคาน้ำมันดิ่งลงเพิ่มเติมในช่วงบ่ายของการซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(21เม.ย.) ฟื้นตัวขึ้น หลังความกังวลต่อวิกฤตหนี้สินกรีซ กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,203.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวลง 0.06% แตะที่ 97.85 เมื่อวานนี้ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดทองคำต่างก็ระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้