เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันและวอลล์สตรีทร่วงลงหนักเมื่อวันอังคาร(10มี.ค.) จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่อวิกฤตหนี้สินกรีซและเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด ปัจจัยค่าเงินสหรัฐฯนี้ก็ส่งผลให้ทองคำปิดในแดนลบเช่นกัน
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.39 ดอลลาร์ ขยับลง 6 ใน 7 วันหลังสุดของการซื้อขาย
ในวันอังคาร(10มี.ค.) ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปีหากเทียบกับยูโร จากความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาหนี้กรีซและความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหัฐฯ(เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10มี.ค.) ดิ่งลงแรง โดยเฉพาะเอสแอนด์พี500 ที่ปรับลดหนักหน่วงที่สุดในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางมุมมองแห่งความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมิถุนายน
ดาวโจนส์ ลดลง 332.78 จุด (1.85 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,662.94 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 35.27 จุด (1.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,044.16 จุด แนสแดค ลดลง 82.64 จุด (1.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,859.80 จุด
ความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของเฟด อันเนื่องมาจากข้อมูลภาคแรงงานที่สดใส ดันให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นนี้ยังก่อข้อวิตกว่ามันอาจกระทบชิ่งไปถึงผประกอบการของเหล่าบริษัทสหรัฐฯในต่างประเทศ
ปัจจัยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุปสงค์ทองคำ และฉุดให้ราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้เมื่อวันอังคาร(10มี.ค.) ปิดลบเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,160.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์