เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดีที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล (ยศในขณะนั้น) ยื่นฟ้อง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กรณีมีมติในการประชุมครั้งที่ 9/2555 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2555 เรื่อง การนับระยะเวลาเป็นทวีคูณ ของผู้ฟ้องคดี ทำให้ไม่ได้เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้รับสิทธิการนับระยะเวลาเป็นทวีคูณ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 และตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
กรณีดังกล่าวเริ่มมาจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. นำเอกสารเรื่องขอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบ และระงับยับยั้งการเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และพระราชทานยศสูงขึ้นของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เนื่องจากมีหนังสือจากข้าราชการตำรวจผู้รักความเป็นธรรม เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 53 ว่า การแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ เป็นที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.53 เป็นต้นมา โดยการปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษาดังกล่าว พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้เบิกเงินค่าเสี่ยงภัย ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าเลี้ยงดูย้อนหลังตั้งแต่ เม.ย.53 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในห้วงระยะเวลาที่ซ้ำซ้อนกันดังกล่าว พล.ต.ต.ศรีวราห์ อยู่ระหว่างการศึกษาอบรมหลักสูตร วปอ.มีกำหนด 1 ปี จึงไม่น่าที่จะปฏิบัติหน้าที่ปรึกษาดังกล่าวที่ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ทำให้ต่อมาที่ประชุม ก.ตร.ได้มีมติเสียงส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยให้นับอายุราชการแบบทวีคูณให้กับ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เมื่อครั้งไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า)
โดยศาลได้พิพากษาเพิกถอนมติ ก.ตร.ในการประชุมครั้งที่ 9/2555 ที่มีการเพิกถอนมติคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์การนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 53 ในรายของพล.ต.ต.ศรีวราห์ เฉพาะช่วงเวลาวันที่ 1 เม.ย.53-31 ส.ค.53 รวมทั้งมติที่ไม่คัดเลือกแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เนื่องจากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ตามที่เคยมีมติไว้ในการประชุมครั้งที่ 7/2553 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 ตั้งแต่วันที่มีมติ และให้ปฏิบัติต่อสิทธิของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ที่พึงมีพึงได้ตามที่กฎหมายกำหนด
กรณีดังกล่าวเริ่มมาจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. นำเอกสารเรื่องขอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบ และระงับยับยั้งการเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และพระราชทานยศสูงขึ้นของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เนื่องจากมีหนังสือจากข้าราชการตำรวจผู้รักความเป็นธรรม เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 53 ว่า การแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ เป็นที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.53 เป็นต้นมา โดยการปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษาดังกล่าว พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้เบิกเงินค่าเสี่ยงภัย ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าเลี้ยงดูย้อนหลังตั้งแต่ เม.ย.53 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในห้วงระยะเวลาที่ซ้ำซ้อนกันดังกล่าว พล.ต.ต.ศรีวราห์ อยู่ระหว่างการศึกษาอบรมหลักสูตร วปอ.มีกำหนด 1 ปี จึงไม่น่าที่จะปฏิบัติหน้าที่ปรึกษาดังกล่าวที่ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ทำให้ต่อมาที่ประชุม ก.ตร.ได้มีมติเสียงส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยให้นับอายุราชการแบบทวีคูณให้กับ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เมื่อครั้งไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า)
โดยศาลได้พิพากษาเพิกถอนมติ ก.ตร.ในการประชุมครั้งที่ 9/2555 ที่มีการเพิกถอนมติคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์การนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 53 ในรายของพล.ต.ต.ศรีวราห์ เฉพาะช่วงเวลาวันที่ 1 เม.ย.53-31 ส.ค.53 รวมทั้งมติที่ไม่คัดเลือกแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เนื่องจากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ตามที่เคยมีมติไว้ในการประชุมครั้งที่ 7/2553 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 ตั้งแต่วันที่มีมติ และให้ปฏิบัติต่อสิทธิของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ที่พึงมีพึงได้ตามที่กฎหมายกำหนด
