ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนมติ ก.ตร. คืนสิทธิการนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณแก่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ชี้เจ้าตัวเคยเป็นรองผู้บังคับการ และผู้บังคับการ มาบวกกับที่ปรึกษา กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าแล้วได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี รวมแล้วได้ 2 ปี 12 วัน พร้อมตำแหน่ง ผบช.ภ. 1
วันนี้ (10 มิ.ย.) ตุลาการศาลปกครองกลาง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฟ้องคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กรณี ก.ตร. มีมติไม่ให้สิทธิการนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามหลักเกณฑ์การนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณแก่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ และการยกเลิกมติที่เห็นชอบให้คัดเลือกแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1.) เนื่องจากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งขาดคุณสมบัติที่จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ว่าเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นการกระทำที่ทำให้ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
โดยศาลพิจารณาเห็นว่า การพิจารณาว่าข้าราชการตำรวจผู้ใดจะได้สิทธิการนับระยะเวลาเป็นทวีคูณ ข้าราชการตำรวจผู้นั้นต้องปฏิบัติงานในหน้าที่เป็นการประจำในตำแหน่งระดับต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะปฏิบัติงานในหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือหลายหน่วยงาน และ ระยะเวลาการปฏิบัติงานจะต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้ แต่รวมแล้วต้องไปน้อยกว่า 1 ปี ทั้งนี้ ให้เริ่มนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2550 โดยสามารถนำระยะเวลาที่ข้าราชการตำรวจผู้นั้นเคยปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 เมื่อนับระยะเวลาที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์เคยปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2547 ถึง 25 ส.ค. 2548 ในตำแหน่งรองผู้บังคับการ และวันที่ 7 ต.ค. ถึง 23 พ.ค. 2548 ในตำแหน่งผู้บังคับการ หากนำมารวมกับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้าตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ถึง 1 ต.ค. 2553 ก็จะนับได้ระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อยกว่า 1 ปี
อีกทั้ง พล.ต.ต.ศรีวราห์ ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2552 ถึง วันที่ 31 มี.ค. 2553 ก่อนที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ จะได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการในตำแหน่งที่ปรึกษา กอ.รมน. 4 เป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน 12 วัน รวมกับระยะเวลาที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ดำรงตำแหน่งที่ได้รับสิทธิการรับเวลาระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึง 31 ส.ค. 2553 เป็นการปฏิบัติงานทวีคูณ รวม 10 เดือน พล.ต.ต.ศรีวราห์ จะมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในระดับรองผู้บัญชาการ 1 ปี 11 เดือน 12 วัน แต่การคัดเลือกหรือแต่งตั้งที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีเป็นการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปีงบประมาณ 2553 มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. 2553 ซึ่งเป็นปีงบประมาณถัดไป การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการของพล.ต.ต.ศรีวราห์ จึงนับเดือน ก.ย. 2553 อีก 1 เดือน รวมเป็น 2 ปี 12 วัน
ดังนั้น พล.ต.ต.ศรีวราห์ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งให้เป็นดำรงตำแหน่งสูงขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ตามข้อ 11 ของกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2555 การที่ ก.ตร. มีมติในการประชุมครั้งที่ 9/2555 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2555 ที่เพิกถอนมติคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์การนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รับรองให้นับระยะเวลาการปฏิงานเป็นทวีคูณของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2553 เฉพาะช่วงเวลาวันที่ 1 เม.ย. ถึง 31 ส.ค. 2553 และมติที่ไม่คัดเลือกแต่งตั้ง พล.ต.ศรีวราห์ ดำรงตำแหน่ง ผบช.ภ.1. ของกฎ ก.ตร. ดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนมติ ก.ตร. ดังกล่าว และให้ปฏิบัติต่อสิทธิของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ที่พึงมีพึงได้ตามที่กฎหมายกำหนด