xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 29 พฤษภาคม 2558

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับพี่น้องประชาชนทุกท่าน วันที่ 1 มิถุนายน ที่กำลังจะมาถึง เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนา เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน โดยองค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก จึงนับว่ามีความสำคัญกับพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมกิจกรรมสืบทอดพระพุทธศาสนา น้อมรำลึกถึงพระพุทธองค์ และนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และร่วมกันประดับธงชาติ และธงธรรมจักร เพื่อแสดงความเป็นพุทธมามกะ เข้าวัด ทำบุญ ตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล ลด ละ เลิก อบายมุข ทำความดีถวายเป็นพุทธบูชา และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยพร้อมเพรียงกัน รัฐบาลจะร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด คณะสงฆ์ และองค์กรเครือข่ายชุมชนคุณธรรม“บวร” บ้าน-วัด-โรงเรียน ได้เตรียมการจัดกิจกรรมทางศาสนา ทั้งในส่วนกลาง และท้องสนามหลวง และภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนทั่วไปได้ร่วมงาน นอกจากจะเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองแล้ว ครอบครัว และยังเป็นส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงธรรมะอีกด้วยนะครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานหลายงาน ทำให้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และรับฟังปัญหาจากตัวแทนภาคประชาชนในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มตัวแทนหอการค้าจากทั่วประเทศ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ผมได้พบส่วนใหญ่นั้น ให้ความสนใจ เข้าใจ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลนะครับ ในส่วนของการวางรากฐานในการพัฒนาประเทศระยะต่อไป เพื่ออนาคตของเขาเอง ผมเลยขอบคุณ ขอให้ทุกคนช่วยกันกลับไปสื่อสารทำความเข้าใจและเชื่อต่อสิ่งที่ผมได้พูดได้ทำไปแล้วในขณะนี้ ซึ่งบางอย่างอาจยังไม่เสร็จเรียบร้อยนะครับ บางอย่างก็เสร็จไปแล้ว บางอย่างกำลังเตรียมการกระทำอยู่ ถ้าเข้าใจกันวันนี้ จะเดินหน้าไปด้วยดี ลดความขัดแย้ง ตามนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนั้น ที่มีออกไปมากมาย ผมอยากให้ไปถึงชุมชนและถึงคนทุกระดับทุกพื้นที่ได้ทำความเข้าใจ เพราะเราจำเป็นต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ และพื้นฐานตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานไว้แล้ว ว่าทุกอย่างจะพัฒนาไปได้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง คือเราต้องมีแนวคุณธรรม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังเป็นกังวลอยู่คือ เรื่องการเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยนะครับ ผมพูดหลายครั้งแล้ว วันนี้ก็อยากจะเอาส่วนหนึ่งของการบรรยายพิเศษของศาสตราจารย์ มิเชล โทเปอร์ จากมหาวิทยาลัยปารีส ของฝรั่งเศส ได้มาบรรยายที่บ้านเราและให้ข้อคิดที่ว่า การรัฐประหารอาจจะไม่ใช่การทำลายประชาธิปไตยเสมอไป เพราะบางครั้งการรัฐประหารในหลายๆประเทศ ก็เป็นการทำเพื่อเตรียมไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในอนาคต ผมไม่ได้หมายความว่าดีหรือไม่ดี เพราะหลายประเทศก็ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาเกือบทั้งสิ้น

ผมอยากให้คนไทยทุกคนตระหนักว่าที่ผ่านมาสิบกว่าปีนั้น ประเทศไทยมีปัญหามาโดยตลอด ประชาชนแตกแยก ไม่มีความสุข รัฐบาลทุกรัฐบาลพร้อมที่จะใช้กำลังเพื่อให้เหตุการณ์ต่างๆยุติ ทั้งด้วยกฎหมาย ด้วยการคลี่คลายสถานการณ์ แต่มันก็ไม่ยุติ ประเทศไทยของเรานั้น ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่มาเป็นเวลานาน เพื่อนบ้านรอบบ้านต่างเร่งเดินหน้าพัฒนาประเทศกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในเร็ววันนี้ ปลายปีนี้ ถ้าปล่อยไว้โดยเราไม่ทำอะไรกันเลย ประเทศก็พังพินาศ เสียหาย ลูกหลานเราก็ไม่มีอนาคต

สำหรับผู้ที่ถูกเลือกเข้ามาในการบริหารประเทศนั้น ก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่าให้คนไทยหันมาต่อสู้ทำร้ายกันเองอีก สังคมแตกแยก ขาดความเป็นระเบียบ กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ด้อยโอกาสถูกเอารัดเอาเปรียบ มีความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ประเทศชาติอ่อนแอ รัฐบาลนี้เข้ามาตอนที่ประเทศไทยกำลังจะเป็นแบบนั้นจริงๆ กำลังจะไปไม่รอดอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาแล้วผมก็ต้องการให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงจากสภาพเดิมๆ แล้วก็เดินหน้าต่อ เรามีศักยภาพอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ใช้ศักยภาพเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่

ผมต้องการให้คนไทยมีศักดิ์ศรี มีอนาคต ผมไม่เคยคิดว่าทุกอย่างมันจะง่าย แต่ก็เชื่อว่าถ้าทุกคนร่วมมือกัน มองข้ามผลประโยชน์ส่วนตัว และก็ยอมรับว่าประเทศชาติเราต้องปฏิรูป หันมามองผลประโยชน์ส่วนรวม ลดอัตตาตัวเองลงไป ผมก็คิดว่าเราทำได้ครับ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนทุกคน

การที่ คสช.หรือรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารครั้งนี้ เราน่าจะสามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศไทยของเราเพื่อจะไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ในอนาคต มันจะได้หรือไม่ได้อยู่ที่พวกเราทุกคน และผมอยากจะกราบเรียนว่า คงไม่ใช่เฉพาะพวกเรา การวางอนาคตเหล่านั้นเป็นการวางอนาคตให้กับคนรุ่นหลังของเรา ลูกหลาน ผมอยากจะใช้คำว่าคนไทยที่ยังไม่ได้เกิดมาก็มีอีกเยอะแยะ วันหน้าก็มีเกิดอีกเพิ่มเติมต้องวางพื้นฐานให้เขาตรงนั้นด้วย ไม่ใช่วันนี้เราใช้ทุกอย่างสิ้นเปลือง ทรัพยากรก็หมดไป ความเข้มแข็งก็ไม่มี วันหน้าประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนครับ และเขาเกิดมาจะเผชิญกับความยากลำบากอย่างไร คิดอย่างนั้นนะครับ ทุกคนที่จะเข้าสู่การเมือง หรือคนที่จะเป็นข้าราชการ ต้องคิดแบบผมคิดนี่ มันถึงจะแก้ปัญหาสำเร็จ

ปัญหาที่สะสมยาวนานต้องช่วยกันแก้นะครับ อย่าโยนภาระให้รัฐบาล ให้คสช.ใช้อำนาจอย่างเดียว มันไปไม่สำเร็จหรอกครับ วันหน้าก็เกิดขึ้นมาใหม่ มันอยู่ที่การร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ความสมัครใจ การปรองดองกัน เรื่องกฎหมายคือกฎหมาย คนละเรื่องกัน ปรองดองคือปรองดองให้ได้ก่อน และจะต้องไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีกในสถานการณ์ต่อจากนี้ไป

เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่รัฐบาลดำเนินการขณะนี้ด้วยความเร่งด่วน เรื่องชาวโรฮีนจา รัฐบาลไทยมีความชัดเจนในการกำหนดความช่วยเหลือชาวโรฮีนจาตามหลักมนุษยธรรม ประเทศไทย คนไทย ไม่เคยแล้งน้ำใจ เราให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มิตรประเทศมาตลอด ปัจจุบันก็ยังทำอยู่ ตามแนวชายแดน รวมทั้งเหตุการณ์สึนามิในญี่ปุ่น อุทกภัยประเทศอินเดีย ล่าสุดที่ประเทศเนปาล เราก็เป็นประเทศแรกๆ ที่เข้าไปช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราก็พร้อม และยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือมิตรของเราในยามลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ คุณค่าความเป็นมนุษย์อันนี้เป็นสิ่งสำคัญนะครับ เราก็ช่วยตามศักยภาพของเรา

สำหรับปัญหาชาวโรฮีนจาก็เช่นกัน ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของทุกประเทศ องค์กรระหว่างประเทศต้องช่วยกันในการดูแลมนุษยชาติ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่จำเป็นต้องกำหนดการช่วยเหลือให้ชัดเจน ทั้งในการดูแลรักษาพยาบาล น้ำ อาหาร และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ปลอดภัยไปยังประเทศปลายทางตามความสมัครใจ ต้องเข้าใจว่าประเทศไทยนั้นเป็นเพียงทางผ่าน ไม่ใช่ประเทศเป้าหมายของชาวโรฮีนจา ผมได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการลาดตระเวน และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้กับผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกตินะครับในมหาสมุทรอินเดีย มีหน้าที่ในการลาดตระเวนทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ทั้งโดยความร่วมมือทั้งทหารเรือ ทหารอากาศ โดยทหารอากาศเป็นผู้ควบคุม ได้มีการจัดตั้งฐานลอยน้ำเพื่อให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติด้วยตามหลักสากล ก็ขึ้นอยู่กับกองทัพเรือนะครับ และปรับปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับผู้หนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ในมหาสมุทรอินเดีย ทั้งนี้เพื่อเป็นเวทีให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องได้หารืออย่างสร้างสรรค์ เพื่อแสวงหาแนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและให้เกิดความยั่งยืน ก็มี 16 ประเทศเข้าร่วม เช่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และบังกลาเทศ รวมทั้งประเทศผู้สังเกตการณ์ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ และผู้แทนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)องค์การระหว่างประเทศเพื่อย้ายถิ่นฐาน (IOM) และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เป้าหมายหลักของการประชุมครั้งนี้ ก็เร่งผลักดัน ในประเด็นที่ต้องการให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไข ทั้งประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ใช้หลักการร่วมกันแบ่งปันระหว่างประเทศ หลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับประเทศต้นทาง และประเทศปลายทาง รวมทั้งประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ด้วย

สำหรับผลการประชุมของกระทรวงต่างประเทศนั้น จะเสนอให้ทราบในโอกาสต่อไป ผมคิดว่าคงได้คำตอบในทุกประเด็น ต้องการให้มันเกิดการปฏิบัติให้ได้ หลังจากการประชุมไปแล้ว ระยะกลางจะทำอย่างไร ระยะยาวจะทำอย่างไร ระยะแรกต้องร่วมมือกันตรงไหน งบประมาณใช้จากที่ไหน แล้วใครจะเป็นผู้อำนวยการปฏิบัติ หรือจะแยกกันเอง ก็ต้องไปหาคำตอบในที่ประชุม ผมได้สั่งการลงรายละเอียดไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับในที่ประชุมจะมีมติว่าอย่างไร เราไปบังคับใครมากก็ไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นสิทธิของแต่ละประเทศ แล้วเราเป็นอาเซียนด้วยกันก็ไม่อยากให้เสนอข่าวเรื่องต่างๆที่เป็นความขัดแย้ง มันจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันในอาเซียน ที่กำลังดีอยู่ กำลังเข้มแข็งอยู่นั้น มันต้องเสียหายไป ปัญหามันมีทุกประเทศนั่นล่ะ ถ้าเราร่วมมือกันทำ ร่วมกันแก้ มันก็ได้ แล้วก็ไม่ไปโทษกันไปกันมา เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของมนุษย์ ชีวิตทุกคนมีค่าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชาติใด ศาสนาใดก็ตาม เขาก็มีสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ทั้งสิ้น

ในเรื่องไอยูยู (IUU) นั้น รัฐบาลได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะกิจ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้น หน่วยงานต่างๆ ของรัฐได้เร่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ได้กำหนดให้ศูนย์อำนวยการการปฏิบัติการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน กรมประมง กรมเจ้าท่า ในการจัดทำแผนการตรวจตราการประมงระดับชาติ

สำหรับการดำเนินงานวางระบบในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการประมงภายในประเทศ ปัจจุบันมีการออก พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2558 ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ IUU ที่เข้ามา เพื่อมาดูการปฏิบัติของเรา ในช่วงเร็วๆ นี้ เราจำเป็นที่จะต้องทำให้สามารถดำเนินการจัดการทรัพยากรประมงให้ได้ รวมทั้งจะต้องมีการเร่งพิจารณากฎหมายลูกอีกไม่น้อยกว่า 17 ฉบับ

สำหรับการปรับปรุงภายนอกประเทศ ก็คือต้องมีการจัดทำข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างประเทศ ในการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเป็นไปตามหลักวิชาการด้านการประมง

สำหรับเรื่องแรงงานประมงนั้น เราไม่ได้นิ่งนอนใจเลย การช่วยเหลือเพื่อส่งตัวลูกเรือประมงไทยที่ตกค้างอยู่เกาะอัมบน และเกาะอื่นๆ ด้วยในอินโดนีเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 25 พฤษภาคม 2558 นะครับ ปีนึง 57-58 กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาร์กาต้า และกรมการกงศุล ได้ดำเนินการส่งตัวลูกเรือประมงกลับไทยแล้วทั้งสิ้น 618 คน ล่าสุดเป็นลูกเรือจากเกาะเบนจินา 29 คน ที่ได้เดินทางกลับไทยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ตามด้วยลูกเรือจากเกาะเบนจินา 29 คน เกาะปาเล็มบัง 5 คน และเกาะอัมบนอีก 5 คน นะครับ ในวันที่ 26 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีลูกเรือจากเกาะอัมบนที่ดำเนินการออกหนังสือรับรองสัญชาติ และอยู่ระหว่างการรอส่งกลับอีก 80 คน และจากเกาะเบนจินาอีก 327 คน ทั้งหมดอยู่ระหว่างการรอการสอบสวน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ได้ประสานฝ่ายอินโดนีเซียลดขั้นตอนการพิจารณา เพื่อจะส่งลูกเรือเหล่านี้กลับได้ในโอกาสแรก

รัฐบาลขอขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซีย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่พยายามร่วมกันแก้ปัญหาที่ถูกมองข้ามมาเป็นเวลายาวนานด้วย ต้องคัดแยกให้ดี ว่าอันไหนเป็นเหยื่อ อันไหนเป็นค้ามนุษย์ อันไหนเกี่ยวข้องขบวนการ และไหนเป็นสัญชาติไทย ต้องพิสูจน์สัญชาติให้เรียบร้อยและส่งกลับไปตามมาตรการทางกฎหมาย ตามมาตรการในการดูแลเหยื่อ ทั้งหมดต้องครบถ้วนตามข้อบังคับ หรือกติกาของประชาคมโลก ผมเชื่อว่า ประเทศไทยนั้น มีคนดีมากกว่าคนไม่ดี เราทุกคนต้องช่วยกันทำให้ทุกคนเป็นคนดี และลงโทษคนไม่ดีอย่างเป็นธรรม ด้วยกระบวนการยุติธรรม อย่างน้อยเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกหลานเราเห็น ประเทศไทยเราจะได้ก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ ประชาชนในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเรื่องเศรษฐกิจของประเทศนั้น ทุกคนก็ทราบกันอยู่แล้วว่า ประเทศไทยยังคงพึ่งพากันหารายได้จากภาคการส่งออกอยู่มากนะครับ การส่งออกบ้านเรานั้นยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ที่เป็นคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดสหภาพยุโรป และเอเชีย เช่น จีนที่เศรษฐกิจเขาเริ่มชะลอตัว อย่างไรก็ตามผมได้รับรายงานสถานการณ์การส่งออกล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ว่า การส่งออกของไทยเริ่มมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น โดยในเดือนเมษายน 2558 มูลค่าการส่งออก หากไม่นับรวมในส่วนของน้ำมัน และทองคำพบว่ามีการขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้เปิดเผยการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสถาบันไอเอ็มดี ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยในปี 2558 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 จากจำนวน 61 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก ลดลง 1 อันดับจากปี 2557 เนื่องจากผลการประเมินด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลง ซึ่งมีการพิจารณาจัดการค้าระหว่างประเทศ และการลงทุนจากประเทศเป็นหลัก เศรษฐกิจของไทยยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เราต้องสร้างความเข้มแข็ง สร้างนวัตกรรม และดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีให้ได้นะครับ เอสเอ็มอีที่อยู่ในภาคการส่งออก

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาด้านอื่นๆ อาทิเช่น การประเมินในด้านประสิทธิภาพของภาครัฐมีการปรับตัวดีขึ้นทั้งในด้านการเงินภาครัฐ จากลำดับที่ 19 ในปี 2557 เป็นลำดับที่ 14 ในปัจจุบัน ด้านประกอบการบริหารภาครัฐจากลำดับที่ 39 เป็นลำดับที่ 34 และกรอบดำเนินการด้านสังคมจากลำดับที่ 55 เป็นลำดับที่ 45 รวมไปถึงการประเมินด้านโครงสร้างพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นเช่นกันนะครับ จากลำดับที่ 48 เป็นลำดับ 46 คิดว่าน่าจะดีขึ้นต่อไปนะครับ เพราะว่าเราก็มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีกมากพอสมควร แต่เป็นระยะยาวนะครับ ภาครัฐจะพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ทั้งในเรื่องของลอจิสติกส์ การขนส่ง คมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และการเปิดตลาดใหม่หาช่องทางการจัดจำหน่ายขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆเหล่านี้ ต้องดำเนินไปควบคู่กันกับการพัฒนาของผู้ประกอบการในประเทศด้วย ผู้ประกอบการก็ต้องปรับในเรื่องของคุณภาพสินค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และให้ความร่วมมือกับรัฐในการปฏิบัติตามนโยบาย ในเรื่องของการสนับสนุนเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย SME เช่น พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน ดูแลผู้ค้ารายย่อย ดูแลเกษตรกรภาคการผลิต นำไปสู่กระบวนการเพื่อจะแปรรูปและนำไปขายเพื่อให้ราคาสูงขึ้น ต้องเอาประชาชน เอาเกษตรกรมาอยู่ในห่วงโซ่ตรงนี้ด้วย เพราะจะทำให้เกิดกระบวนการต่างๆขึ้นมา และจะดูแลซึ่งกันและกัน มันจะได้ไม่ไปขึ้นธุรกิจสีเทา ค้าขายผิดกฎหมาย หรือที่ทำในเรื่องไม่ถูกต้อง ขายของผิดที่ หรือกิจการใดๆที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น

ที่ผ่านมาเหล่านี้มันถึงได้เกิดเงินจำนวนมากในระดับล่างที่ประชาชนมีการใช้จ่าย วันนี้เมื่อเงินตรงนี้มันหายไปเป็นจำนวนมากพอสมควร คนเดือดร้อนแน่นอนคนที่เคยใช้จากตรงนี้ที่เป็นห่วงโซ่และเราจะยอมให้ห่วงโซ่เหล่านี้ มันเกิดขึ้นไปอีกหรือไม่ มันทำให้เกิดความเป็นธรรมหรือไม่กับการที่ทำผิดกฎหมาย แล้วคนกลุ่มหนึ่งได้ผลประโยชน์ แต่ที่เหลือไม่ได้ เกิดความขัดแย้ง และทำให้เสื่อมเสียต่อประเทศโดยรวม ชื่อเสียงประเทศก็เสียหาย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ไม่มี ก็ไม่มีคนมาท่องเที่ยว ท่องเที่ยวก็ไม่เกิด ไม่ชื่นชม วันนี้การท่องเที่ยวมากเหลือเกิน จากการที่รัฐบาลได้ปรับนโยบายเรื่องการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวหลายๆ คลัสเตอร์ และมีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศด้วย มีการจัดการท่องเที่ยวทั้งปี มีหลายๆ sector ด้วยกัน วันนี้เราจะต้องพัฒนาทุกอย่างให้เกิดเป็นกระบวนการให้ได้ ทุกอย่างที่มีการผลิตนั้น จะต้องรองรับทั้งห่วงโซ่ อุปทาน ที่ให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิต และห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันเช่นนี้ ผมว่าเศรษฐกิจของไทยมีสิทธิเติบโตอย่างยั่งยืน อย่าไปฟัง บางคนออกมาพูดโน่นพูดนี่ ทุกวันไป ทั้งๆ ที่ก็เคยเป็นรัฐบาลมาแล้ว แต่วันนี้ไม่เข้าใจอีก ก็แสดงว่าความรู้พื้นฐานไม่ดี ก็มาตำหนิติเตียนเรื่องโน้นเรื่องนี้ มาโทษรัฐบาลนี้

ความเข้มแข็งมันไม่เกิด มันไม่มี มันไม่สร้างห่วงโซ่กันไว้ ช่องว่างคนรวย-คนจนก็ห่างกันมาก คนจนก็ยิ่งจนลง คนรวยก็รวยขึ้นไป งานที่ผิดกฎหมายก็มี สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันต้องแก้ไขทั้งหมด แล้วเราในระหว่างนี้มันก็อาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ คือเศรษฐกิจมันอาจจะ ... เงินหมุนเวียนหายไป ขาดไป รัฐบาลก็ไม่สามารถจะเอาเงินไปให้ได้ นอกจากสร้างความเข้มแข็ง ทุกคนก็เข้ามาสู่ในห่วงโซ่ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน คนรวยช่วยคนจน มันก็จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ อย่ามามัวตำหนิติติง ท่านทุกคนต้องรักชาติ รักประเทศ วิธีการในการแก้ปัญหา เราก็ฟังจากทุกที่ ทุกพวก ทุกฝ่าย ทั้งนักเศรษฐศาสตร์ด้วย ทั้งจากประชาชน นักวิชาการ ผมคิดว่าเราทำหมดแล้ว ปัญหาก็คือเราควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แล้วปัจจัยภายในของเราก็ยังไม่พร้อมเพียงพอ ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต ถ้าราคาสินค้ามันสูงขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ มันก็โอเค ไม่เป็นไร ค่าแรงค่าอะไรมันก็สูงตามไปให้ได้ แต่ถ้าราคาสินค้ามันลดลงมาเรื่อยๆ แล้วค่าแรงยังสูงอยู่ หรือจะสูงต่อไปอีก มันจะทำยังไง มันก็ยิ่งขายไม่ได้กว่าเดิม ต้นทุนผลิตแล้วมันแพงกว่าปกติ แพงกว่าเพื่อนบ้าน สองอย่างบวกเข้าไป ต้นทุนการผลิตแพง ปลูกข้าวก็แพง สองก็คือ ต้องไปบวกกับค่าแรง ใช้แรงงานโรงงานต่างๆ ค่าแรงก็บวกเข้าไปอีก ต้นทุนก็แพง ค่าแรงก็แพง ราคาขายตก แล้วจะทำยังไง มันต้องมามองทั้งระบบ อย่าไปมองทางใดทางหนึ่ง และแก้ปัญหาผิดวิธีมาตลอด บิดเบือนราคา บิดเบือนระบบการเงินการคลังของประเทศไม่ได้ อย่ามองข้ามความสำคัญของความคิดเห็นอื่นๆ ของโลก เช่น GNH INDEX หรือดัชนีความสุข อันนี้ก็เป็นตัวกำหนดเหมือนกันนะครับ ว่าความสุขจะอยู่ที่ไหนกัน ประเทศไหนมีความสุขมากความสุขน้อย ประเทศไทยอยู่ระดับที่มีความสุขมากนะครับ ถึงแม้เราจะไม่มีสตางค์มากนัก ยากจนอยู่ แต่เราอยู่ด้วยความพอเพียง ลูกหลานอย่ารบกวนพ่อแม่มากนัก ต้องมีสติของตัวเอง เรามีแค่นี้นะ พ่อแม่เราลำบาก พ่อแม่เราเป็นเกษตรกร พ่อแม่เรามีรายได้รับจ้าง เราก็อย่าใช้ของแพงนะ พ่อแม่ให้เราเรียนหนังสือ อันนี้ถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติที่ให้กับเราแล้ว เป็นมรดกพ่อแม่เราแล้ว อย่าไปหวังรอได้รับเงินนู้นนี่ พ่อแม่ต้องมีของยกให้ วันหน้าต่อไป ทุกคนเลยไปขวนขวายหาเงินหาทองกันหมด เพื่อจะดูแลลูกหลาน เราต้องย้อนกลับไปดูว่าสมัยที่ผ่านมา เราทุกคน ผู้ใหญ่วันนี้ ลำบากมาทั้งสิ้นกว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น กว่าจะร่ำรวยขนาดนี้ก็เสี่ยงหลายอย่างมา มีมาตรการต่างๆ ที่จะปรับตัวให้ตามกระแสโลก มีความเสี่ยงที่จะล้มละลาย เสี่ยงที่จะขาดทุนเยอะแยะ แต่วันนี้สำเร็จแล้ว เราต้องดูแลคนข้างหลัง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หลักการผมคือ ประชาชนทุกคนมีสิทธิมีเสียงในประเทศไทย แต่ต้องหาช่องทางถูกต้องว่าจะสู้กันยังไง

เรื่องของ พลังงานไฟฟ้า อันนี้เป็นประเด็นสำคัญนะครับ เป็นประเด็นของพลังงานที่เรากำลังมีปัญหาอยู่ขณะนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทยยังสร้างไม่ได้นะครับ อันนี้มีความขัดแย้งมาก ผมอยากเรียนว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังานถ่านหิน เป็นโรงไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในการลงทุน ใน เรื่องของวัสดุที่จะใช้คือ ถ่านหิน เพียงแต่เราต้องหาเทคโนโลยีโรงงานที่จะทันสมัย ขจัดสิ่งที่เป็นผลเสียสิ่งแวดล้อม และดูแลเยียวยาประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ทำให้แผ่นดิน ให้น้ำเสียหาย การปลูกพืช การอุปโภค-บริโภคอะไรก็แล้วแต่ วันนี้เขาทำได้แล้วสมัยปัจจุบัน ผมอยากให้ดูตัวอย่างวันก่อนผมเห็นในทีวีช่องหนึ่ง เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศลาว เพิ่งสร้างเสร็จนะครับ และคนไทยด้วยซ้ำไปดันไปสร้าง ก็เริ่มมีการผลิตแล้ว และตามข้อตกลงเขาต้องขายพลังงานไฟฟ้าส่วนนี้กลับไปประเทศไทยได้อีก นี่ไงครับเราก็จำเป็นต้องซื้อเขา เพราะว่าแหล่งผลิตในประเทศไทยมันลดลงๆ ไปเรื่อยๆ พลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทนมันยังไม่ทันการ มันต้องตามต่อไปด้วยอะไร ด้วยสายส่งเข้าไปอีก การลงทุนสายส่งเป็นหมื่นๆ ล้านนะครับ เป็นแสนล้าน ในการที่จะเดินสายส่งแต่ละเส้นแต่ละช่วง มันไม่ใช่ง่ายๆ วันนี้ที่ยังมีสายส่งมากี่สิบปีแล้ว ก็ได้แค่นี้ยังไปไม่ทั่วถึง ถ้าทุกคนหวังว่า จะขายเข้าระบบสายส่งมันยังเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดนะครับ และการผลิตแบตเตอรีอะไรต่างๆ นั้นก็คือการเก็บพลังงานไฟฟ้าจากทดแทน เรายังไม่มีศักยภาพเพียงพอ ต้องซื้อทั้งหมด ต้นทุนการผลิตก็แพงก็สูง การขจัดวัสดุที่มันใช้แล้วจากแผงโซล่าเซลล์ที่มันหมดอายุแล้ว เป็นขยะทางอิเล็กทรอนิกส์ มันมีอันตราย

วันนี้รัฐบาลออกกฎหมาย ออก พ.ร.บ.ไปว่า เขาที่จะไปลงทุนกับเราต้องมีแผนในเรื่องของการกำจัดขยะเหล่านี้ให้เราด้วย ก็จะเป็นให้มีสิทธิประโยชน์อะไรต่างๆ ในการลงทุนบีโอไออะไรก็แล้วแต่นะครับ วันนี้ถ้าเรายังไม่คิดตรงกันอยู่ คือคิดแต่เพียงว่า เราจะต้องรักษาทุกอย่างให้เหมือนเดิม ประชาชนทุกคนมีส่วนที่จะกำหนดการใช้จ่ายทรัพยากรทั้งหมด อย่าลืมว่าเราต้องดูแลประเทศชาติกันด้วย ถ้ามันไม่ได้ดูซิว่าจะไปทำกันที่ไหน ถ้าทุกที่ปฏิเสธกันหมด มันทำไม่ได้ ผลิตไม่ได้ ก็ไม่มีไฟฟ้าใช้นะครับ ซื้อใครก็ไม่อยากให้ซื้อ ก็ซื้อไม่ได้อีก และวันหน้าด้านความมั่นคงมีปัญหากัน เขาไม่ส่งแก๊ส เขาไม่ส่งไฟฟ้าจะทำอย่างไร ช่วยผมคิดหน่อยนะ การคัดค้านอะไรผมไม่ว่าหรอก เพียงแต่ว่าต้องฟังเหตุฟังผลหน่อย ถ้าเราเข้มแข็งเพียงพอแล้ว เราผลิตทุกอย่างได้เองแล้ว ผมคิดว่าเราจะเป็นเสียงที่ดังพอที่คนอื่นเขาฟังเรา วันนี้เขาไม่ฟัง เพราะเรายังไม่เข้มแข็งพอ และเรายังมีความขัดแย้งสูงในสังคมไทนในปัจจุบันลดลงมาบ้าง แต่ยังไม่ทั้งหมดนะครับ

เพราะฉะนั้นปัจจัยสำคัญของประเทศก็คือ พลังงานไฟฟ้า จะมาจากไหนก็ไปคุยกันต่อไปแล้วกัน ใช้ในการอุปโภคบริโภค และเกิดการผลิตการอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ไม่ใช่ไฟฟ้า แล้วไปใช้ ... มันก็ต้องไปต่อโรงงานอุตสาหกรรม อะไรก็แล้วแต่ วันนี้เราใช้น้ำมัน กับแก๊ส ผลิตไฟฟ้าถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเรายังไม่ลดตรงนี้ไปโดยไม่ใช้วัสดุอื่นๆ มาเป็นต้นทุนในการที่จะเกิดพลังงานขึ้นมา เช่น ถ่านหิน หรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ถ่านหินก็ราคาถูกที่สุดนะ เพราะฉะนั้นวันหน้าถ้ายังต้องซื้อเขา หรือวันหน้ายังต้องใช้แก๊ส น้ำมัน พอราคามันขึ้นอีก ค่าไฟฟ้าก็ขึ้นแน่นอน ท่านเรียกร้องใครไม่ได้แล้ว ผมพูดด้วยเหตุด้วยผล ท่านฟังนะ อยากให้ประชาชนช่วยกันหาจุดสมดุล และเชื่อมั่นในทุกเทคโนโลยี และรัฐบาลก็จะทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

หลายประเทศในโลก เกือบทุกประเทศ ก็ยังมีใช้อยู่ทั้งหมด เพียงแต่ว่าของเก่าก็เปลี่ยนเป็นเทคโนโลยีใหม่ เครื่องจักรใหม่ อะไรมันก็ดีขึ้น

เรื่องการปฏิรูปประเทศนั้น ผมอยากจะเรียนว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หลายท่านมีความตั้งใจที่ดี มีเจตนารมณ์ที่ดี อยากจะทำโน่นทำนี่ให้เสร็จในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยที่ผมยังอยู่ แล้วก็ใช้อำนาจผม ที่มีอำนาจมาตรา 44 ในวันนี้ จริงๆ แล้วผมอยากจะเรียนว่ามันมีหลายกิจกรรมในแต่ละเรื่องในการปฏิรูป มันมีหลายเรื่องด้วยกัน สิ่งสำคัญต้องนึกถึงว่า ในการบริหารราชการในปัจจุบัน การปฏิบัติการในปัจจุบัน ประสิทธิภาพในปัจจุบัน และเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ จะทำยังไงที่จะต้องแก้ปัญหาที่ผมพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้ มันต้องใช้คนเหล่านี้ทำก่อน ทำให้มีประสิทธิภาพ couping ใช้บูรณาการ ใช้มาตรา 44 ทั้งหมดเพื่อให้เกิดงาน ให้เกิดขึ้นโดยเร็วอย่างที่ท่านต้องการ

ในการปรับโครงสร้างทั้งหมด ถ้าท่านรื้อทั้งหมดทีเดียว มันก็ทำงานไม่ได้ ในขณะนี้ ผมคิดว่าการที่จะรื้อใหญ่ๆ ไปตรงโน้น แต่ท่านก็ต้องจัดระเบียบไว้ตั้งแต่ตรงนี้ว่าท่านจะทำอะไรตรงไหน การปฏิรูปมันมี 3 ระยะด้วย ผมเคยบอกไปแล้ว ระยะ 1..2..3.. ของ คสช.และรัฐบาล 1..2.. คือ คสช.กับรัฐบาล พอ 3 ของผม เราจะส่งไปโน่น ไปรัฐบาลใหม่ ก็จะเขียนใหม่ 1..2..3.. หนึ่งนั่นก็อาจจะ 4 ปี 5 ปี อะไรก็แล้ว แต่ 555 ระยะ 1..2..3.. ไปทางโน้น เรื่องของโครงสร้างอะไรต่างๆ ถ้าผมทำได้ผมก็จะทำ ในเรื่องของ เช่น ตำรวจ ก็ต้องแยกออกมาว่าเรื่องการสอบสวนจะทำยังไง ทดลองดูก่อนมั้ย ตรงนี้ทำได้มั้ย ควรจะอยู่ตรงไหนกันบ้าง มาจากไหน ใครจะทำ เรื่องคดีความจะทำยังไง ตำรวจท้องที่ ตำรวจส่วนกลาง ทำยังไง จะทำลองดูก่อนไหม ตรงนี้ทำได้ไหม เราจะอยู่ตรงไหนกันบ้าง มาจากไหน ใครจะทำ เรื่องคดีความจะทำอย่างไร ตำรวจท้องที่ ตำรวจส่วนกลางทำอย่างไร เอาทุกอย่างคลี่ออกมาทีละอัน แล้วส่วนหนึ่งทำไป คู่ขนานกันไป อีกส่วนก็ต้องปฏิบัติราชการต่อไป แก้ปัญหาให้ผมทำงาน เพราะวันนี้ปัญหามันเยอะแยะ ก็ต้องรื้อ ต้องใช้คนใช้ตำรวจ ตอนนี้ก็ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันนี้คือผมปฏิรูปแล้วนะ ในระยะแรก วางพื้นฐาน ลดขั้นตอน ให้การบริการประชาชน และได้รับความเชื่อถือจากสังคม จากประชาชน ที่ผ่านมาตำรวจก็ถูกตำหนิติเตียนไปเยอะแยะไปหมด อยู่ที่ว่าเราจะหาเขาอย่างไร ให้ความเป็นธรรมเขาอย่างไร

วันนี้การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจก็ดีขึ้น ผมก็กำลังดูอยู่ว่า เรื่องของการที่จะตั้งสภาแต่งตั้งข้าราชการระดับกระทรวงจะเป็นไปได้ไหม ผมก็อยากให้ใช้แนวทางในส่วนของทหาร ไม่ใช่ว่าทหารดื้อดึงขัดขืนใครได้ ไม่ใช่ ที่ผ่านมารัฐมนตรีก็มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้ อย่างบังคับก็มี พ.ร.บ.ทหาร พ.ร.บ.กลาโหม ก็เพียงแต่ว่าทุกหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม ก็เสนอคนเข้ามาเข้าที่ประชุม ถ้าตกลงกันได้ทุกคนเอาขึ้นมาตามแท่นของตัวเองแล้วไม่มีใครขัดแย้งก็อนุมัติไปตามนั้น มีรัฐมนตรีกลาโหมเป็นหัวหน้า เป็นประธานกรรมการตรงนี้ นั่นคือเขาเสนอมาตามแท่นของเขา ถ้าจะปรับแก้ไปตามความเหมาะสมก็ทักท้วงกันตรงนั้น ถ้าเห็นด้วยก็ตั้งเลย ถ้าไม่เห็นด้วยก็ประชุมใหม่ ไปหาเอาใหม่ หรือเสนอคนใหม่เข้ามา 2 ใน 3 ก็ผ่านอีก นั่นเป็นอย่างนั้น ผมอยากให้ข้าราชการทั้งตำรวจ และข้าราชการ อยากให้เป็นอย่างนี้ ตอนนี้ก็มี ก.ตร.อะไรอยู่แล้ว คตช.แต่ทำอย่างที่ทหารทำหรือเปล่า มันก็จะได้คนที่โตมาในแท่นของเขา ในพื้นที่ของเขา และนายเขาก็เป็นคนเลือกเขาเข้ามา พอนายเขาเลือกมามันก็จะเป็นไปตามขั้นตอน ตามอาวุโสบ้าง ตามความรู้ความสามารถ มันจะต้องมีคนทั้ง 3 อย่าง สัดส่วนที่เหมาะสมอยู่ตรงนั้น เมื่อขึ้นมาแล้ว

สมมติว่าเป็นกระทรวงก็จะมีรัฐมนตรีกระทรวงนั้นเป็นประธานคณะกรรมการ และในส่วนของอธิบดี รองปลัดกระทรวง รองปลัดอธิบดี ก็แต่งตั้งของตัวเองขึ้นมา แล้วก็ส่งมา อาจจะมี ก.พ.ร.หรือ ก.พ.ที่ทำอยู่ตอนนี้เข้าไปเป็นเลขาฯ ก็ได้ ผมเสนอแนวคิดเฉย มันก็จะเกิดความเป็นธรรมชัดเจนขึ้น ตำรวจก็เหมือนกัน ถ้าตั้งขึ้นมาแบบนี้มันก็เป็นฝ่ายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ไม่ใช่พวกใคร ขึ้นมาด้วยความชอบธรรม นายตัวเองต้องรู้ว่าลูกน้องตัวเองดีหรือไม่ดี มันจะได้ไม่ต้องข้ามไปข้ามมา วิ่งเต้นกันเยอะแยะหมด ทหารวิ่งเต้นแบบนี้ไม่ได้ เสียเงินก็ไม่มี ถึงทำงานได้ ไม่งั้นใครขึ้นมาก็คลอดได้หมดทุกอัน ทั้งข้าราชการ ทั้งตำรวจก็เป็นแบบเดิมอีก ไปแก้แบบนี้นะ ตั้งใครมาซักกลุ่ม และมีอำนาจตั้งทุกคน ท่านจะรู้ไหม แต่ละกระทรวง แต่ละหน่วยงานเขามีใคร เขาทำงานกันยังไง รู้ไหม ผมเพียงเสนอแนะเท่านั้น ท่านไม่เอาก็ตามใจ แล้วแต่ท่าน

เพราะฉะนั้น ในส่วนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย มันจำเป็นต้องลงละเอียดนะครับ ใช้กฎหมายใช้อาวุธเหล่านี้ มันต้องมีมาตรการที่เพียงพอ และให้อิสระการทำงานพอสมควรแก่เขา แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ภายใต้กระบวนการยุติธรรม ให้เกิดความชัดเจน รัฐบาลต้องรับผิดชอบในการสั่งงาน อะไรก็แล้วแต่ มันผิดมันถูกต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นคนสั่งให้เขาทำ ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้ได้ ผมสรุปแล้วว่า ปัญหาใหญ่ๆ เรื่องใหญ่ๆ ที่ยังค้างอยู่ระยะที่ 2 ของผม ผมจะส่งระยะที่ 3 ของผม คือรัฐบาลใหม่ รัฐบาลใหม่เป็นกำหนด 1 2 3 ทำแล้วกัน เข้าใจตามนี้นะครับ หรือหากทุกคนเกรงว่าจะไม่ทันตามปฏิรูปกำหนดไว้ ก็อาจเขียนในรัฐธรรมนูญได้ไหม กฎหมายลูก หรือไรก็แล้วแต่ ผมไม่มีความรู้ทางกฎหมายมากนัก แต่ท่านไปทำได้ก็แล้วกันว่ากลไกเหล่านี้ทำยังไง ทำยังไงรัฐบาลจะทำได้ ถ้าไม่ยอมอยู่แบบนี้มันก็ไปเดินหน้าไม่ได้ วันนี้เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งหมด ตามโรดแมปทั้งหมด โรดแมปที่ว่าคือมีรัฐธรรมนูญ วันนี้ขอให้มีประชามติผมก็ให้ทำประชามติได้อีก พอทำประชามติแล้วก็มีการเลือกตั้ง แต่ท่านไม่เคยมีใครถามผมเลยว่า ถ้ามันเลือกตั้ง ก่อนเลือกตั้งวุ่นวาย คนไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญกันอีกจะทำยังไง มีมาตรการอะไรไหม

2 คือเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลปกครองไม่ได้อีก อีกพวกก็ต่อต้าน ทำไง ผมห่วงตรงนั้นมากกว่า ผมไม่ห่วงรัฐธรรมนูญหรอก ไม่ห่วงอย่างอื่นเท่าไหร่ ห่วงตรงนี้ คสช.จะรับผิดชอบตรงนี้ด้วย รัฐบาลจะดูสถานการณ์ตรงนี้ด้วย แต่ยืนยันสถานการณ์ทุกอย่างผมทำตามโรดแมป เว้นแต่จะมีใครทำให้โรดแมปผมเปลี่ยนแปลงนะครับ รัฐธรรมนูญวันนี้ผมบอกว่า จะต้องไม่เป็นรัฐธรรมนูญของความขัดแย้งในอนาคตนะครับ ผมฟังจากผู้บรรยายทั้งหมดที่มาจากเยอรมัน จากฝรั่งเศส ได้บรรยายถึงความเป็นมาเป็นไปของรัฐธรรมนูญว่ามันจะเป็นยังไง เขาก็บอกเป็นกฎหมายที่น่าจะไม่ต้องตีความมากนัก คนไทย รัฐบาล ฝ่ายค้าน เราต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญในทางที่ถูกอย่างคนที่เจริญแล้ว ไม่เอากฎหมาย ไม่เอารัฐธรรมนูญมาทะเลาะเบาะแว้งกันอีก นักการเมืองต้องมีธรรมาภิบาล เรามีประสบการณ์มากมาย รัฐธรรมนูญที่ผ่านมามีหลายฉบับ แก้ไปแก้มาจะกลับไปที่เดิมอีกแล้ว ทุกคนต้องการของเดิม คนนั้นก็ว่าดี คนนี้ก็ว่าไม่ดี พรรคการเมืองนู้น พรรคการเมืองนี้ นักการเมือง ผมถามว่า ถามประชาชนเขาหรือยัง เขาต้องการอะไร เขาต้องการให้บ้านเมืองดีขึ้นกว่าเดิม หรือต้องการให้บ้านเมืองเป็นเหมือนเดิม หรือต้องการให้แย่กว่าเดิม อันนี้เป็นความรับผิดชอบของนักการเมืองต่อไปด้วยนะครับ ผมพยายามทำเต็มที่แล้ว

รัฐธรรมนูญใหม่น่าจะต้องสร้างความสมดุลอำนาจให้ได้ และมีประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจดังกล่าวนั้น ประชาชนต้องเป็น ศูนย์กลาง เพราะฉะนั้น ที่ผ่านมา บอกว่าประชาชนต้องเป็นอย่างนู้น อย่างนี้ มีอำนาจนู้น ไม่ใช่ ประชาชนไม่ใช่กลุ่มอำนาจที่ 4 นะครับ มี 3 อำนาจที่คือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ใช่ไหมครับ ประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจ 3 อำนาจ ผ่านการเลือกผู้แทนของท่าน นั่นล่ะคืออำนาจของท่านอยู่แล้ว ท่านเลือกคนเข้ามาถ้าเลือกไม่ดี นั่นล่ะ ท่านใช้อำนาจในทางที่ผิด ท่านเลือกดี เขาก็ดูแลท่านดี บ้านเมืองก็เจริญไปข้างหน้า นั่นล่ะการใช้อำนาจตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

อีกอันหนึ่งก็คือการลงประชามติ เห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบอะไรต่างๆ เขามีสิทธิให้ท่านไปลงประชามติอีกทีหนึ่ง โดยรัฐบาลเป็นคนกำหนด

ที่ผ่านมามันตีกันไปตีกันมา พันกันไปหมด แล้วประชาชนก็ถูกปลุกระดม กลายเป็นว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจทั้งหมด ฉะนั้นต้องเหนือกว่าทุกคน เหนือกว่ารัฐบาล เหนือกว่าเจ้าหน้าที่ มันก็ตีกันอยู่อย่างนี้ล่ะ เพราะฉะนั้นต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า ท่านใช้อำนาจของท่านผ่านผู้แทนของท่าน ผ่านสภา อะไรก็แล้วแต่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจ อย่าให้ใครเขามาบิดเบือนท่านอีก นักการเมืองที่ไม่ดี พรรคอะไรที่ไม่ดีก็แล้วแต่ อย่าไปมองเฉพาะเรื่องนโยบายพรรคอย่างเดียว ต้องมองว่านโยบายของพรรคการเมืองเหล่านั้น วางพื้นฐานของชาติไว้อย่างไร จะเดินหน้า 5 ปี 10 ปีอย่างไร ใครเข้ามาตรงนี้ก็ต้องทำต่อ ในส่วนของพรรคก็ว่ากันไป จะสร้างคะแนนนิยมอะไรตรงไหนก็ว่าไป แต่ประเทศชาติต้องไม่เสียหาย และเดินไปข้างหน้าได้ ทุกประเทศเขาเป็นแบบนี้หมด เขาเลิกทะเลาะกันเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันอยู่แล้ว เพราะเขาใช้ประชาชนให้ประชาชนมาแสดงความเห็นผ่านสภา ผู้แทนของเขา หรือลงประชามติ แล้วก็เสนอสิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย ผ่าน ส.ส.ของท่าน ที่ผ่านมาท่านทำหรือเปล่า ทำตรงนี้มั้ย ถ้าไม่ทำก็ไปหาทางให้เขาทำวันหน้า

ในส่วนของรัฐบาล เมื่อมันเกิดเหตุการณ์ใดๆ ในประเทศก็ตาม ต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง วันนี้ผมก็ได้แก้เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคมจิตวิทยา การต่างประเทศ ในเรื่องของกฎหมาย ทำทุกอย่าง จะปฏิเสธอันใดอันหนึ่งไม่ได้ หรือจะปฏิเสธประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทุกรัฐบาล ผมอยากจะใช้คำว่า ต้องดูแลคนวันนี้ และวันหน้าด้วย วันหน้า อย่างที่ผมเรียนไปแล้วเมื่อกี้ คนไทยที่ยังไม่เกิดยังอีกเยอะแยะไปหมด นึกถึงเขาด้วยนะ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ขอให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 57 กำหนดไว้ ตามโรดแมป อะไรไปได้ก็ไป ผมไม่เคยเป็นคนเลือกโรดแมป โรดแมปจะถูกกำหนดโดยประชาชน โดยสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำประชามติ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว อะไรก็แล้วแต่ ผมไม่เคยขัดขวางอะไรทั้งสิ้น ผมอยากให้ประเทศชาติเดินหน้าด้วยความยั่งยืน ก็ให้เป็นเรื่องของประชาชนก็แล้วกัน ช่วยกันแสดงความคิดเห็น แต่อย่าขัดแย้ง ทุกคนต้องยอมรับฟัง เว้นแต่สถานการณ์ถ้ามันไม่เรียบร้อยจะทำยังไง บอกผมแล้วกัน ถ้ามันเลือกไม่ได้ เป็นรัฐบาลไม่ได้แล้วจะทำยังไง หาทางออกให้ผม ผมใช้อำนาจอย่างเดียวมันก็ไม่ไหวนะ ผมก็พร้อมรับฟังอย่างเต็มที่นะ ฉะนั้นสิ่งที่เราคาดหวังวันนี้คือการปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้าน มันอาจจะใช้เวลาหลายปี ผมก็ไม่ได้หวังว่าผมจะทำเองทั้งหมด จะได้อยู่หลายๆ ปี ไม่ใช่ ผมต้องส่งต่อ ถ้าผมไม่มีโอกาสผมต้องส่งรัฐบาลใหม่ที่ท่านเลือกมา ท่านใช้อำนาจประชาชนเลือกมา ไปทำมา ประชาชนเรียกร้องมาตลอด รัฐบาลก็เรียกร้องทุกรัฐบาล สมัยรัฐบาลที่แล้วผมจำได้ เรียกร้องการปฏิรูปก่อน ปฏิรูปหลัง อะไรก็แล้วแต่ ทำไม่ได้สักรัฐบาล วันนี้เกิดขึ้นมาแล้ว แล้วจะหยุด ไปที่เดิม กลับไปที่เก่ากันอีกหรือ ก็แล้วแต่ท่าน อำนาจอยู่ที่ท่าน ใช้ในทางที่ถูกต้องแล้วกัน

วันนี้หลายคนก็ทำงานอยู่แล้ว กมธ. สปช. สนช. ทุกคนหวังดีกับประเทศไทยทั้งนั้นล่ะ เพียงแต่ว่ามันเหมาะสมกันอย่างไร แค่ไหน จะเอาแค่ไหนกัน ต้องเป็นการทำข้อตกลงกับคนทั้งประเทศด้วย ไม่ใช่เอากลุ่มนี้มารบกลุ่มนี้ กลุ่มนี้เห็นด้วย แล้วก็ตีกันต่อไปในอนาคต และมันจะทำไปทำไม มันจะปฏิรูปกันทำไม ผมจะมายืนอย่างนี้ทำไม เข้าใจตรงนี้ด้วยนะครับ ผมขอร้องแล้วกัน ขออีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนอื่นๆ นะครับ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมนะครับ ได้รับการตอบรับจากประชาชน และผู้บริโภคเป็นอย่างดี ยอดจำหน่ายถึงวันที่ 26 พฤษภาคมนี่เกือบ 20 ล้านนะครับ และต่อไปก็จะจัดเป็นงานไม้ดอกไม้ประดับ และปลาสวยงาม ก็จะจัดต่อนะครับ 5-28 มิถุนาฯ ภายในงานจะจัดกิจกรรมการแสดงปลาสวยงาม การแสดงไม้ดอกไม้ประดับที่สอดคล้องกับชีวิตคนเมืองนะครับ มีการตกแต่งอะไรก็แล้วแต่ทำให้มูลค่าของดอกไม้มันสูงขึ้น จัดตู้ปลามีหมดนะครับ เป็นสินค้าที่จะขายออกต่างประเทศได้เลยนะครับ และจะมีการจำหน่ายด้วยให้ความรู้ด้วย การเลี้ยงปลา ดูแลต้นไม้ ปลาสวยงาม ซึ่งวันนี้เป็นรายได้หลักเลยนะครับของเกษตรกร บางส่วนเขาเปลี่ยนไปเลี้ยงปลากัดบ้าง ปลากัดไทย ปลากัดจีน ไปเลี้ยงปลาเงินปลาทองอะไรทำนองนี้ ดอกไม้ก็เอามาจัดใส่พาน ใส่โหลแก้ว และให้งดงามเหมือนการจัดดอกไม้ของต่างประเทศนะครับ แต่เราเป็นแบบไทยๆ ไง ไปดูแล้วกันนะครับ มีการบรรยาย มีการสาธิตทุกเรื่อง มีวิทยากรมืออาชีพ มีคำแนะนำ การปลูกดูแลรักษาจากนักวิชาการ ผู้เกี่ยวข้องในวงการ มีการให้คำแนะนำ และมีแบบแปลนจัดสวนต่างๆ มีนักจัดสวนมืออาชีพมาด้วยนะครับ ระหว่างวันที่ 25-31 นั้น พฤษภาคมนี้ก็จะมีอีกงานที่จัดขึ้นขณะนี้คือ โอท็อปวิถีไทยจากร้อยสู่ล้าน ที่อิมแพคเมืองทองธานี อันนี้ก็เหมือนต้องเกี่ยวพัน ถ้าอันนี้มันเกิดขึ้นได้ เราก็ต้องไปดูหลักการผลิตเขาเป็นอย่างไร ประชาชนผลิตได้ไหม ที่ผ่านมาทำดีหมด คนสั่งซื้อ ผลิตไม่ได้ ผลิตไม่ทัน เพราะว่าไม่พร้อม แต่ทำได้เป็นชิ้นๆ ได้สวย พอสั่งเป็นร้อยอัน พันอันทำไม่ได้ อันนี้ต้องไปส่งเสริมข้างล่างภาคการผลิต ทำอย่างไรเครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมือควรมีไหม จะตั้งสหกรณ์กันอย่างไร ไม่ใช่เอาของมา ใครทำดีเอามาขาย และเวลาเราต้องการสั่งซื้อออเดอร์จากประเทศ ต่างประเทศไม่ใช่หรอครับ ขายให้คนไทยมันจะขายอะไรพอเพียง มันต้องขายต่างประเทศ เพราะเขาสั่งมา 10 ชิ้นได้ 100 ชิ้นเริ่มไม่ได้แล้ว 1,000 ชิ้นยิ่งไม่ได้ใหญ่ นี่มันล้มเหลวเพราะโอท็อปเหมือนกันนะ ผมว่าต้องไปดูตั้งแต่กระบวนการผลิต และให้สอดคล้องกับซัพพลายด้วย ดีมานด์-ซัพพลายต้องสอดคล้องกันทั้งหมด ไม่ใช่เขาไม่ต้องการอะไรก็ผลิตอยู่นั่นแหละ แล้วจะไปขายใคร เลิกไปทำอย่างอื่น แล้วไปสู่การเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งไว้แล้วเรื่องความพอเพียง ทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าไม่ต้องใช้จ่ายเงินได้ก็ดี พอกินพอยู่ ถ้าเหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน ทำมากกว่านั้นก็ขาย แลกเปลี่ยน และต่อจากนั้นก็ตั้งธุรกิจขึ้นมา ทำร้านค้า เปิดเป็นบริษัทมันก็พัฒนา และต้องมีภูมิคุ้มกันมีความรู้ด้วยนะครับ ต้องรับฟังด้วย เพราะหลายๆ กระทรวงเขาออกมาแล้ว ในแอปในโทรศัพท์ เรื่องการเกษตร ราคาสินค้า การเพาะปลูกพืช การใช้น้ำ มีหมด ไปเปิดดู วันพุธที่ผ่านมา นักกีฬาที่เตรียมเดินทางไปร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5-16 มิถุนายน ผมในนามของรัฐบาล พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ขอแสดงความยินดี และชื่นชมนักกีฬาที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้

ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน และดูแลเต็มที่ ขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนในการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้เต็มความสามารถตนเอง มีน้ำใจนักกีฬา เคารพกฎ กติกา และทุกคนระลึกเสมอว่า ท่านเป็นตัวแทนคนไทย ประเทศไทย ในการสร้างภาพลักษณ์ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนไทย เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อนอาเซียน ก็ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุดนะครับ วันนี้กีฬาต้องแข่งด้วยทักษะของกีฬา แข่งขันด้วยร่างกาย จิตใจ สามัญสำนึก และความรักชาติ

ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงประชาคมอาเซียนด้วยกันด้วย เราขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้วนะครับ ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ พร้อมเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทุกท่าน ขอให้ท่านทำให้ดีที่สุดนะครับ จะแพ้ชนะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเตรียมการไป ถ้ามันไม่ได้ต้องพัฒนาใหม่ ผมยืนยันว่าเราต้องพัฒนาการกีฬาให้ดีขึ้นในอนาคตให้ได้ ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ ตามจุดหมายที่ตั้งไว้ เพื่อนำชัยชนะมาสู่ประเทศ ถ้าไม่ได้ เอาเพื่อนกลับมา อันนี้สำคัญที่สุดให้พ่อแม่ภูมิใจ ต้องพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ใหม่ มันไม่มีใครบังคับได้ นอกจากตัวเราเอง เรื่องกีฬา ไม่ต้องกลัว

ผมขอโทษ รบกวนเวลาท่านทุกคน วันไหนมีกีฬาผมจะเลื่อนให้แล้วกัน พูดให้สั้นๆ ลง ตอนนี้ก็ปรับเรื่องการออกอากาศไปแล้ว ในวันศุกร์ ผมพูดคนเดียวแล้วกัน แค่ซักครึ่งชั่วโมงนิดหน่อยทำนองนี้ ในส่วนรองนายกฯ และรัฐมนตรีก็ออกตอนเย็นวันธรรมดา เวลา 18.00 น. แล้วกันครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง 20-30 นาที มันจะได้ เขาเรียกเผื่อแผ่แบ่งปันไงครับ นะ ฟังผมบ้าง ตอนนี้ก็อะไร แย้มก็ไม่อยู่แล้วนี่ ใช่ไหม ก็รอป้าคนใหม่แล้วกันนะครับ แต่ผมยังอยู่นะครับ ก็ขอเวลาพบกับท่านไปก่อนแล้วกัน

สวัสดีครับ ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น