การลงนามข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานด้านแผ่นดินไหว ระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ตลอดจนการพัฒนาการทำงานของหน่วยงานนั้น นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ขึ้นบ่อยครั้ง และประเทศไทยมีหลายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นมีการให้ข้อมูลข่าวสารจากหลายช่องทาง จนทำให้เกิดความสับสน ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้การดำเนินงานมีความเป็นเอกภาพและมีความชัดเจนมากขึ้น
ด้าน นายวันชัย ศักดิ์อุดมชัย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่มีการปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการตรวจวัด ติดตาม และศึกษาเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหว โดยแต่ละหน่วยงานต่างก็มีการให้ข้อมูลข่าวสารเผยแพร่แก่สื่อมวลชนและประชาชน ซึ่งข้อมูลแต่ละแห่งอาจไม่ตรงกัน จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นข้อมูลเดียวกัน และสร้างความแม่นยำมากขึ้น
ขณะที่ นายสุพจน์ เจิมสวัสดิ์พงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า การร่วมมือของ 4 หน่วยงาน จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของกรมทรัพยากรธรณี ด้านการศึกษาวิจัยรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทยและเพื่อนบ้าน ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีจะได้ใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ และประเมินระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อแจ้งแก่หน่วยงานภาคีและสาธารณชนต่อไป
ว่าที่ ร.ต.ไพเจน มากสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานมีภารกิจในการพัฒนาแหล่งน้ำ สร้างเขื่อนเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำ ทั่วประเทศ ซึ่งแต่แห่งมีความสูง ความจุแตกต่างกันไป และจะมีผลกระทบเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งการลงนามความร่วมมือ ก็จะทำให้กรมชลประทานสามารถได้รับข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์อัตราการเร่งของเขื่อน นำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการออกแบบป้องกันการเกิดแผ่นดินไหว และจะมีการใช้วัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้างให้เหมาะสม
ส่วนนายบุญมาก สมิทธิลีลา รองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวว่า ในปัจจุบันมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกประเทศของโลก และส่งผลกระทบต่อเขื่อนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กฟผ. การลงนามในครั้งนี้จะทำให้ กฟผ. มีข้อมูลในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายวันชัย ศักดิ์อุดมชัย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่มีการปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการตรวจวัด ติดตาม และศึกษาเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหว โดยแต่ละหน่วยงานต่างก็มีการให้ข้อมูลข่าวสารเผยแพร่แก่สื่อมวลชนและประชาชน ซึ่งข้อมูลแต่ละแห่งอาจไม่ตรงกัน จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นข้อมูลเดียวกัน และสร้างความแม่นยำมากขึ้น
ขณะที่ นายสุพจน์ เจิมสวัสดิ์พงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า การร่วมมือของ 4 หน่วยงาน จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของกรมทรัพยากรธรณี ด้านการศึกษาวิจัยรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทยและเพื่อนบ้าน ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีจะได้ใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ และประเมินระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อแจ้งแก่หน่วยงานภาคีและสาธารณชนต่อไป
ว่าที่ ร.ต.ไพเจน มากสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานมีภารกิจในการพัฒนาแหล่งน้ำ สร้างเขื่อนเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำ ทั่วประเทศ ซึ่งแต่แห่งมีความสูง ความจุแตกต่างกันไป และจะมีผลกระทบเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งการลงนามความร่วมมือ ก็จะทำให้กรมชลประทานสามารถได้รับข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์อัตราการเร่งของเขื่อน นำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการออกแบบป้องกันการเกิดแผ่นดินไหว และจะมีการใช้วัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้างให้เหมาะสม
ส่วนนายบุญมาก สมิทธิลีลา รองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กล่าวว่า ในปัจจุบันมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกประเทศของโลก และส่งผลกระทบต่อเขื่อนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กฟผ. การลงนามในครั้งนี้จะทำให้ กฟผ. มีข้อมูลในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น
