นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557-เมษายน 2558) ว่า รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลังทั้งสิ้น 1,119,940 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 50,235 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.7
ทั้งนี้ มีสาเหตุมาจากรายได้ภาษีน้ำมันและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และมีการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 1,653,207 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 73,279 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 ทําให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 533,267 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 5,710 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 527,557 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 157,362 ล้านบาท ทําให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 370,195 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 มีจํานวนทั้งสิ้น 125,552 ล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วง 7 เดือนแรกกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มีสาเหตุมาจากรายได้ภาษีน้ำมันและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และมีการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 1,653,207 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 73,279 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 ทําให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 533,267 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 5,710 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 527,557 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 157,362 ล้านบาท ทําให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 370,195 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 มีจํานวนทั้งสิ้น 125,552 ล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วง 7 เดือนแรกกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง