นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 8 เดือนแรก
ปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.57 – พ.ค.58) ว่า รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลังทั้งสิ้น 1,288,423 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 58,898 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การนำส่งสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียน และการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 1,829,961 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 95,733 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 ทําให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 541,538 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 1,421 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 542,959 ล้านบาท โดยรัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 181,362 ล้านบาท ทําให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 361,597 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2558 มีจํานวนทั้งสิ้น 134,150 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนแรกได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 5.5 เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.57 – พ.ค.58) ว่า รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลังทั้งสิ้น 1,288,423 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 58,898 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การนำส่งสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียน และการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 1,829,961 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 95,733 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 ทําให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 541,538 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 1,421 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 542,959 ล้านบาท โดยรัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 181,362 ล้านบาท ทําให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 361,597 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2558 มีจํานวนทั้งสิ้น 134,150 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนแรกได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 5.5 เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง