นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังจากการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยประเด็นหลักเป็นมุมมองภาวะเศรษฐกิจทั้งในส่วนของ ธปท.และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยได้ พูดคุยถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายการเงิน หลังจากที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 2 ครั้ง นอกจากนั้น ยังขอให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีสายป่านสั้นด้วย
“เหตุผลหนึ่งที่เรามาคุยกับธนาคารพาณิชย์ เพื่ออธิบายว่า การส่งผ่านนโยบายการเงินจะเกิดประสิทธิภาพและครบวงจรไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจในวงกว้างได้ต้องอาศัยความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ แต่จากการพูดคุยกันเข้าใจว่าการลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์เป็นเหตุผลในเชิงธุรกิจ ซึ่งธนาคารพาณิชย์พยายามชี้แจงว่า แม้ไม่ได้ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้อย่างเป็นทางการ แต่มีการปรับลดดอกเบี้ยกู้หรือดูแลลูกค้าเป็นรายบุคคลให้อยู่แล้ว”
วันเดียวกัน ธปท.ได้ออกหนังสือเวียนขอให้ปล่อยสินเชื่อและปรับโครงสร้างหนี้ให้เอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น โดยนายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ธปท. ได้ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินและบริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ขอความร่วมมือในการดูแลให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีใน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มที่ได้ รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว 2. กลุ่มผู้ประกอบการใหม่ 3. กลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังมีศักยภาพ และ 4.กลุ่มเอสเอ็มอีที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนและตลาดต่างประเทศอื่น ตามความจำเป็นและเหมาะสม
โดยมีวัตถุประสงค์ให้เอสเอ็มอีเหล่านี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีได้ เช่น พิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น รวมทั้ง สามารถพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ โดยให้สามารถผ่อนชำระต่ำกว่า 10% ของยอดคงค้างได้ โดยให้ผ่อนผันได้ตั้งแต่ขณะนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2559
“เหตุผลหนึ่งที่เรามาคุยกับธนาคารพาณิชย์ เพื่ออธิบายว่า การส่งผ่านนโยบายการเงินจะเกิดประสิทธิภาพและครบวงจรไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจในวงกว้างได้ต้องอาศัยความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ แต่จากการพูดคุยกันเข้าใจว่าการลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์เป็นเหตุผลในเชิงธุรกิจ ซึ่งธนาคารพาณิชย์พยายามชี้แจงว่า แม้ไม่ได้ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้อย่างเป็นทางการ แต่มีการปรับลดดอกเบี้ยกู้หรือดูแลลูกค้าเป็นรายบุคคลให้อยู่แล้ว”
วันเดียวกัน ธปท.ได้ออกหนังสือเวียนขอให้ปล่อยสินเชื่อและปรับโครงสร้างหนี้ให้เอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น โดยนายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ธปท. ได้ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินและบริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ขอความร่วมมือในการดูแลให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีใน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มที่ได้ รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว 2. กลุ่มผู้ประกอบการใหม่ 3. กลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังมีศักยภาพ และ 4.กลุ่มเอสเอ็มอีที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนและตลาดต่างประเทศอื่น ตามความจำเป็นและเหมาะสม
โดยมีวัตถุประสงค์ให้เอสเอ็มอีเหล่านี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีได้ เช่น พิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น รวมทั้ง สามารถพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ โดยให้สามารถผ่อนชำระต่ำกว่า 10% ของยอดคงค้างได้ โดยให้ผ่อนผันได้ตั้งแต่ขณะนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2559