ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก วาระ 2 และ 3 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว มีการแก้ไขหลักการ โดยเฉพาะแก้คำว่า "วัตถุลามก" เป็น "สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำทางเพศของเด็ก" สมาชิกหลายคนอภิปรายแสดงความเป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องการตีความ และการละเมิดสิทธิประชาชน ที่สุดแล้ว กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวยอมปรับแก้ถ้อยคำเป็นคำว่า "วัตถุหรือสิ่งลามก"
พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทุกรูปแบบ และสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่มีกลุ่มบุคคลทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินการลักลอบถ่ายทำสื่อลามกอนาจารเด็ก ส่งต่อไปอย่างแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต จนยากต่อการควบคุม และเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะก่อให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์
พล.ต.อ.ชัชวาล กล่าวว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้เพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ผู้ส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการผลิตสื่อลามกอนาจารเด็กเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอย่างชัดแจ้ง ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 6 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท
ทั้งนี้ หลังจากพิจารณารายมาตรา ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว วาระ 3 ด้วยคะแนน 193 ต่อ 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทุกรูปแบบ และสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่มีกลุ่มบุคคลทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินการลักลอบถ่ายทำสื่อลามกอนาจารเด็ก ส่งต่อไปอย่างแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต จนยากต่อการควบคุม และเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะก่อให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์
พล.ต.อ.ชัชวาล กล่าวว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้เพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ผู้ส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการผลิตสื่อลามกอนาจารเด็กเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอย่างชัดแจ้ง ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 6 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท
ทั้งนี้ หลังจากพิจารณารายมาตรา ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว วาระ 3 ด้วยคะแนน 193 ต่อ 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป