นายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยหลังเจ้าหน้าที่สำนักการบินพลเรือนประเทศจีนเข้าหารือ ว่า ทางการจีนได้เข้ามาประสานความร่วมมือกับฝ่ายไทย รวมถึงชี้แจงให้ทราบถึงกฎเกณฑ์ และระเบียบในการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของจีน นอกจากนี้ยังเข้ามาตรวจสอบความปลอดภัยด้านการบิน ในสายการบินของไทยที่บินเข้าจีนอีก 5 สายการบิน ได้แก่ สายการบินโอเรียนท์ไทย, ซิตี้ แอร์เวย์,อาร์ แอร์ไลน์,นกสกู๊ต และเจ็ท เอเชีย
“ทางการจีนแจ้งว่า ขณะนี้ได้ตรวจพบข้อบกพร่องด้านการบินของสายการบินทั้ง 5 สายการบินดังกล่าว แต่เป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย ไม่น่าจะมีนัยยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน อย่างไรก็ตาม กำลังตรวจสอบรายละเอียดของแต่ละสายการบินอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากสายการบิน ซิตี้ แอร์เวย์ ,อาร์ แอร์ไลน์, โอเรียนท์ไทย นกสกู๊ต และเจ็ท เอเชีย คาดว่าจะแจ้งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการให้ทราบสัปดาห์หน้า”
สำหรับข้อบกพร่องเล็กน้อยที่จีนตรวจพบ เช่น ความบกพร่องด้านเอกสารการบิน ,ตัวเครื่องบิน ,การบำรุงรักษาเครื่องบิน และบุคคลากร โดยในส่วนของเอกสารตรวจพบว่า หลายสายการบิน มีคู่มือการบำรุงรักษาเครื่องบิน และคู่มือการปฏิบัติการบินไม่ครบถ้วนสมบรูณ์ ขณะที่ตัวเครื่องบิน พบมีการนำเครื่องบินเก่าอายุเกิน 14 ปี มาให้บริการ ด้านการบำรุงรักษา ก็พบว่าไม่ซ่อมเป็นไปตามตารางการซ่อมบำรุงรักษาที่กำหนด ส่วนบุคลากรมีจำนวนไม่เพียงพอ และยังขาดการฝึกอบรม
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า 5 สายการบิน จะแก้ปัญหาข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเหล่านั้นได้ และจะไม่ถูกจีนออกมาตรการตอบโต้ทางการบิน แต่ท้ายที่สุด ต้องรอผลการตรวจสอบของกรมการบินพลเรือนจีนก่อน แต่หากสายการบินไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด อาจจะถูกสั่งระงับการทำการบินไปยังประเทศจีน
ส่วนกรณีที่องค์กรการบินพลเรือนของสหรัฐ (เอฟเอเอ) จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ นั้น ยอมรับว่ากังวล เพราะช่วงนั้นไทยอาจยังทำคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินไม่เสร็จ เช่น คู่มือการตรวจสอบในการรับรองผู้ดำเนินอากาศ คู่มือการซ่อมบำรุง การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ด้านการบิน รวมถึงการตรวจการออกใบอนุญาตการเดินอากาศ (เอโอซี) ของ 28 สายการบินของไทย ก็อาจแล้วเสร็จไม่ทัน “
ที่ผ่านมาแม้รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมได้พยายามเร่งรัดให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่หากไทยไม่ผ่านการตรวจสอบครั้งนี้ เอฟเอเออาจออกมาตรการห้ามสายการบินจากไทย หรือห้ามขยายจำนวนเที่ยวบิน เพิ่มขนาดเครื่อง และห้ามเปิดเส้นทางบินใหม่ๆไปยังสหรัฐอเมริกาได้”“
“ทางการจีนแจ้งว่า ขณะนี้ได้ตรวจพบข้อบกพร่องด้านการบินของสายการบินทั้ง 5 สายการบินดังกล่าว แต่เป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย ไม่น่าจะมีนัยยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน อย่างไรก็ตาม กำลังตรวจสอบรายละเอียดของแต่ละสายการบินอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากสายการบิน ซิตี้ แอร์เวย์ ,อาร์ แอร์ไลน์, โอเรียนท์ไทย นกสกู๊ต และเจ็ท เอเชีย คาดว่าจะแจ้งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการให้ทราบสัปดาห์หน้า”
สำหรับข้อบกพร่องเล็กน้อยที่จีนตรวจพบ เช่น ความบกพร่องด้านเอกสารการบิน ,ตัวเครื่องบิน ,การบำรุงรักษาเครื่องบิน และบุคคลากร โดยในส่วนของเอกสารตรวจพบว่า หลายสายการบิน มีคู่มือการบำรุงรักษาเครื่องบิน และคู่มือการปฏิบัติการบินไม่ครบถ้วนสมบรูณ์ ขณะที่ตัวเครื่องบิน พบมีการนำเครื่องบินเก่าอายุเกิน 14 ปี มาให้บริการ ด้านการบำรุงรักษา ก็พบว่าไม่ซ่อมเป็นไปตามตารางการซ่อมบำรุงรักษาที่กำหนด ส่วนบุคลากรมีจำนวนไม่เพียงพอ และยังขาดการฝึกอบรม
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า 5 สายการบิน จะแก้ปัญหาข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเหล่านั้นได้ และจะไม่ถูกจีนออกมาตรการตอบโต้ทางการบิน แต่ท้ายที่สุด ต้องรอผลการตรวจสอบของกรมการบินพลเรือนจีนก่อน แต่หากสายการบินไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด อาจจะถูกสั่งระงับการทำการบินไปยังประเทศจีน
ส่วนกรณีที่องค์กรการบินพลเรือนของสหรัฐ (เอฟเอเอ) จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ นั้น ยอมรับว่ากังวล เพราะช่วงนั้นไทยอาจยังทำคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินไม่เสร็จ เช่น คู่มือการตรวจสอบในการรับรองผู้ดำเนินอากาศ คู่มือการซ่อมบำรุง การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ด้านการบิน รวมถึงการตรวจการออกใบอนุญาตการเดินอากาศ (เอโอซี) ของ 28 สายการบินของไทย ก็อาจแล้วเสร็จไม่ทัน “
ที่ผ่านมาแม้รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมได้พยายามเร่งรัดให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่หากไทยไม่ผ่านการตรวจสอบครั้งนี้ เอฟเอเออาจออกมาตรการห้ามสายการบินจากไทย หรือห้ามขยายจำนวนเที่ยวบิน เพิ่มขนาดเครื่อง และห้ามเปิดเส้นทางบินใหม่ๆไปยังสหรัฐอเมริกาได้”“