ร.อ. น.พ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณให้รวดเร็วเพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบทันที
ทั้งนี้ จากการหารือกับนายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ทำให้ทราบว่าขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 1.503 ล้านล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 2.575 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.37 ส่วนงบลงทุนที่มีวงเงินทั้งหมดกว่า 4.49 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้เบิกจ่ายไปแล้ว 1.63 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.21 และยังมีสัญญาที่รอการเบิกจ่ายอีก 1.05 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.44 ซึ่งวงเงินทั้งสองส่วนรวมกันจะคิดเป็นสัดส่วนการเบิกจ่ายร้อยละ 59 ของงบลงทุนทั้งหมด และคาดว่าในปีนี้รัฐจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนได้ถึงร้อยละ 87-88 ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบลงทุนนั้นจะทำได้ราวร้อยละ 70 ของวงเงินทั้งหมด
นอกจากนี้ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ให้ข้อมูลว่า ปีนี้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีความรวดเร็วมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนกว่า 4.49 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านๆ มาจะมีการก่อหนี้ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของการใช้งบลงทุนได้เพียงร้อยละ 21-22
ทั้งนี้ ภายหลังจากขั้นตอนการก่อหนี้แล้วเสร็จสิ้นแล้ว ภาคเอกชนก็จะนำเงินลงทุนของตนเองเดินหน้าโครงการตามสัญญา ก่อนจะนำผลงานมาเบิกเงินกับรัฐบาลเพื่อใช้หมุนเวียนต่อไป ซึ่งเม็ดเงินที่มีการเบิกจ่ายไปแล้วและกำลังจะเบิกจ่ายต่อจากนี้ จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ จากการหารือกับนายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ทำให้ทราบว่าขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 1.503 ล้านล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 2.575 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.37 ส่วนงบลงทุนที่มีวงเงินทั้งหมดกว่า 4.49 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้เบิกจ่ายไปแล้ว 1.63 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.21 และยังมีสัญญาที่รอการเบิกจ่ายอีก 1.05 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.44 ซึ่งวงเงินทั้งสองส่วนรวมกันจะคิดเป็นสัดส่วนการเบิกจ่ายร้อยละ 59 ของงบลงทุนทั้งหมด และคาดว่าในปีนี้รัฐจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนได้ถึงร้อยละ 87-88 ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบลงทุนนั้นจะทำได้ราวร้อยละ 70 ของวงเงินทั้งหมด
นอกจากนี้ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ให้ข้อมูลว่า ปีนี้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีความรวดเร็วมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนกว่า 4.49 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านๆ มาจะมีการก่อหนี้ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของการใช้งบลงทุนได้เพียงร้อยละ 21-22
ทั้งนี้ ภายหลังจากขั้นตอนการก่อหนี้แล้วเสร็จสิ้นแล้ว ภาคเอกชนก็จะนำเงินลงทุนของตนเองเดินหน้าโครงการตามสัญญา ก่อนจะนำผลงานมาเบิกเงินกับรัฐบาลเพื่อใช้หมุนเวียนต่อไป ซึ่งเม็ดเงินที่มีการเบิกจ่ายไปแล้วและกำลังจะเบิกจ่ายต่อจากนี้ จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง