ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในวันนี้ (6 พ.ค.) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,133 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,333 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,659 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,809 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 252 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 209 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 222 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 219 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 3,570 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ปัจจุบันได้สิ้นสุดแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งของลุ่มน้ำเจ้าพระยาแล้ว (1พ.ย.-30 เม.ย.ของทุกปี) โดยกรมชลประทานเริ่มแผนส่งน้ำสำหรับสนับสนุนการทำนาปีในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ในที่ลุ่มภาคกลาง ได้ทยอยหว่านกล้าทำนาปี ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งปริมาณน้ำที่มีอยู่สามารถสนับสนุนการทำนาปีต้นฤดูฝนได้อย่างเพียงพอไม่ขาดแคลน
ทั้งนี้ ปัจจุบันได้สิ้นสุดแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งของลุ่มน้ำเจ้าพระยาแล้ว (1พ.ย.-30 เม.ย.ของทุกปี) โดยกรมชลประทานเริ่มแผนส่งน้ำสำหรับสนับสนุนการทำนาปีในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ในที่ลุ่มภาคกลาง ได้ทยอยหว่านกล้าทำนาปี ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งปริมาณน้ำที่มีอยู่สามารถสนับสนุนการทำนาปีต้นฤดูฝนได้อย่างเพียงพอไม่ขาดแคลน