ฮอนด้าเผยกำไรสุทธิลด ผลกระทบจากวิกฤตถุงลมนิรภัย

ฮอนด้าเมื่อวันอังคาร(28เม.ย.) เผยมีกำไรสุทธิของผลประกอบการรอบปีบัญชี ลดลงร้อยละ 8.9 เหลือ 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(1.4แสนล้านบาท) เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของญี่ปุ่นแห่งนี้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายการเรียกคืนที่สูงขึ้น ในนั้นรวมถึงวิกฤตถุงลมนิรภัยที่ผลิตโดย“ทากาตะ”ระเบิด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ขับขี่อย่างน้อย 5 ราย

ผู้ผลิตรถยนต์รุ่นซิวิคเคยปรับลดประมาณการณ์ผลกำไรของบริษัทมาแล้ว 2 ครั้งก่อนเผยแพร่ผลประกอบการในวันอังคาร(28เม.ย.) โดยเตือนว่าปัญหาอื้อฉาวเกี่ยวกับถุงลมนิรภัยของซัพพลายเออร์ "ทากาตะ" เช่นเดียวกับอุปสงค์ที่ลดลงในญี่ปุ่นและตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างจีน จะกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท

บริษัทแห่งนี้เผยว่าพวกเขามีกำไรในรอบปีบัญชีจนถึงเดือนมีนาคมที่ 552,700 ล้านเยน(ราว4,400ล้านดอลลาร์) แย่กว่าที่คาดหมายไว้ว่าน่าจะมีกำไร 545,000 ล้านเยนและผิดเป้าจากที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก็ลดลงร้อยละ 13 เหลือ 651,600 ล้านเยน แม้ยอดขายประจำปีเพิ่มขึ้นสู่ 12.6 ล้านล้านเยนหรือร้อยละ 6.8

สำหรับรอบปีบัญชีปัจจุบัน ฮอนด้าประมาณการณ์ว่าจะมีกำไรสุทธิ 525,000 ล้านเยน จากยอดขาย 14.5 ล้านล้านเยน ภายใต้ระบบมาตรฐานการบัญชีใหม่ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้นำมาใช้

รายงานของฮอนด้าระบุว่ากำไรจากการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4 ของปีบัญชีที่ผ่านมา ลดลงราว 1 ใน 3 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับการเรียกคืนรถยนต์สูงถึง 425 ล้านดอลลาร์ ในระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม