นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้า 18,886 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบร้อยละ 4.45 ส่งผลให้ไตรมาสแรก เดือนมกราคม-มีนาคม มีมูลค่าการส่งออก 53,365 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบร้อยละ 4.69 จากหมวดสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรม ที่ยังประสบปัญหา อาทิ ยางพารา น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว กุ้งแช่แข็ง เม็ดพลาสติก รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนของไทยแข็งค่ากว่าประเทศคู่ค้า และประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ทำให้สินค้าไทยมีราคาแพงกว่า ส่งผลให้การนำเข้าในเดือนมีนาคม มีมูลค่า 17,391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อนละ 5.89 ด้านดุลการค้ายังคงเกินดุลอยู่ที่ 1,495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์ จึงได้มีการทบทวนตัวเลขการส่งออกปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ 1.2 คิดเป็นมูลค่า 230,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้สมมติฐานน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาท 32.6-33.4 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาสินค้าเกษตรใกล้เคียงกับปีที่ที่ผ่านมา และการส่งออกในไตรมาสที่เหลือต่อจากนี้ ต้องส่งออกได้ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามทั้งปัจจัยบวกและปัยจัยลบ อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอัตราแลกเปลี่ยนคู่ค้าที่อาจผันผวน ส่วนสินค้าที่จะสามารถช่วยกระตุ้นการส่งออกได้ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบที่ยังขยายตัวได้ดี
กระทรวงพาณิชย์ จึงได้มีการทบทวนตัวเลขการส่งออกปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตได้ร้อยละ 1.2 คิดเป็นมูลค่า 230,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้สมมติฐานน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาท 32.6-33.4 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาสินค้าเกษตรใกล้เคียงกับปีที่ที่ผ่านมา และการส่งออกในไตรมาสที่เหลือต่อจากนี้ ต้องส่งออกได้ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามทั้งปัจจัยบวกและปัยจัยลบ อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอัตราแลกเปลี่ยนคู่ค้าที่อาจผันผวน ส่วนสินค้าที่จะสามารถช่วยกระตุ้นการส่งออกได้ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบที่ยังขยายตัวได้ดี
