สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 28 เม.ย. อ้างข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยของเนปาล ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 แมกนิจูด เมื่อวันเสาร์ ว่าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 4,310 ศพ ในจำนวนนี้รวม 17 ศพ จากหิมะถล่มบนยอดเขาเอเวอเรสต์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 7,953 คน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขมีแนวโน้มได้รับการปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก
ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้านของเนปาลมีดังนี้ อินเดียอย่างน้อย 72 ศพ ได้รับบาดเจ็บอีก 259 คน จีนอย่างน้อย 25 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 117 คน ส่วนใหญ่พบในเขตปกครองตนเองทิเบต และบังกลาเทศอย่างน้อย 4 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 200 คน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพยายาม เร่งไปถึงพื้นที่ห่างไกลในเขตชุมชนยากไร้ ศพที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังถูกกู้ขึ้นมาได้ แต่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงมหาดไทยเนปาล เผยว่า บางพื้นที่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจมากถึง 5,000 ราย ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็ต้องประสบกับความยากลำบาก ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม แม้เจ้าหน้าที่พยายามแจกจ่ายความช่วยเหลือสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ทั่วถึง หลายครอบ-ครัวต้องอาศัยปูเสื่อนอนกลางถนนหลังบ้านเรือนพังราบเป็นหน้ากลอง อีกส่วนเกรงว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา จนไม่กล้ากลับเข้าบ้าน ผู้ที่บาดเจ็บก็ต้องอาศัยพื้นถนนในกรุงกาฐมาณฑุเป็นเตียงชั่วคราว เนื่องจากเตียงโรงพยาบาลไม่พอรองรับ ทีมศัลยกรรมแพทย์ต้องอาศัยเต็นท์ในวิทยาลัยการแพทย์แห่งหนึ่งเป็นห้องผ่าตัดอย่างทุลักทุเล
ด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ เผยว่า มีเด็กชาวเนปาลเกือบ 1 ล้านคนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน บางคนต้องสูญเสียพ่อแม่ พร้อมเตือนให้เฝ้าระวังเรื่องโรคติดต่อและการติดเชื้อทางน้ำ แม้ในเบื้องต้นยูนิเซฟส่งเครื่องบินลำเลียงเจ้าหน้าที่และสิ่งของจำเป็นน้ำหนัก 120 ตัน รวมจากนานาชาติแต่ก็ต้องเจออุปสรรค เครื่องบินหยุดชะงักในการลงจอด เพราะท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุต้องปิดการขึ้นลงเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง ขณะที่ทางการแพทย์ของเนปาลถือว่ายังด้อยคุณภาพ จากข้อมูลรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า จำนวนประชากรในเนปาลมี 28 ล้านคน แต่เมื่อคิดตามสัดส่วนแล้วมีแพทย์รักษาเพียง 2.1 คน กับเตียงโรงพยาบาล 50 เตียงต่อประชากรทุก 10,000 คน
ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้านของเนปาลมีดังนี้ อินเดียอย่างน้อย 72 ศพ ได้รับบาดเจ็บอีก 259 คน จีนอย่างน้อย 25 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 117 คน ส่วนใหญ่พบในเขตปกครองตนเองทิเบต และบังกลาเทศอย่างน้อย 4 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 200 คน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพยายาม เร่งไปถึงพื้นที่ห่างไกลในเขตชุมชนยากไร้ ศพที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังถูกกู้ขึ้นมาได้ แต่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงมหาดไทยเนปาล เผยว่า บางพื้นที่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจมากถึง 5,000 ราย ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็ต้องประสบกับความยากลำบาก ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม แม้เจ้าหน้าที่พยายามแจกจ่ายความช่วยเหลือสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ทั่วถึง หลายครอบ-ครัวต้องอาศัยปูเสื่อนอนกลางถนนหลังบ้านเรือนพังราบเป็นหน้ากลอง อีกส่วนเกรงว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา จนไม่กล้ากลับเข้าบ้าน ผู้ที่บาดเจ็บก็ต้องอาศัยพื้นถนนในกรุงกาฐมาณฑุเป็นเตียงชั่วคราว เนื่องจากเตียงโรงพยาบาลไม่พอรองรับ ทีมศัลยกรรมแพทย์ต้องอาศัยเต็นท์ในวิทยาลัยการแพทย์แห่งหนึ่งเป็นห้องผ่าตัดอย่างทุลักทุเล
ด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ เผยว่า มีเด็กชาวเนปาลเกือบ 1 ล้านคนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน บางคนต้องสูญเสียพ่อแม่ พร้อมเตือนให้เฝ้าระวังเรื่องโรคติดต่อและการติดเชื้อทางน้ำ แม้ในเบื้องต้นยูนิเซฟส่งเครื่องบินลำเลียงเจ้าหน้าที่และสิ่งของจำเป็นน้ำหนัก 120 ตัน รวมจากนานาชาติแต่ก็ต้องเจออุปสรรค เครื่องบินหยุดชะงักในการลงจอด เพราะท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุต้องปิดการขึ้นลงเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง ขณะที่ทางการแพทย์ของเนปาลถือว่ายังด้อยคุณภาพ จากข้อมูลรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า จำนวนประชากรในเนปาลมี 28 ล้านคน แต่เมื่อคิดตามสัดส่วนแล้วมีแพทย์รักษาเพียง 2.1 คน กับเตียงโรงพยาบาล 50 เตียงต่อประชากรทุก 10,000 คน