นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยภายหลังจากการประชุมได้พิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บในเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 โดย กกพ. ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทบทวนและปรับลดตัวเลขที่คำนวณได้ เพื่อให้สะท้อนราคาค่าเชื้อเพลิงโดยแท้จริง จึงได้มีมติให้เรียกเก็บค่าเอฟทีในอัตรา 49.61 สตางค์/หน่วย ลดลง 9.35 สตางค์/หน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเอฟทีงวดที่ผ่านมาจำนวน 58.96 สตางค์/หน่วย
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับลดค่าเอฟทีในงวดพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 นี้ มาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่สะท้อนจากต้นทุนราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งราคาน้ำมันได้ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง และส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีที่เรียกเก็บตั้งแต่ในงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน ต่อเนื่องมาจนถึงงวดเดือพฤษภาคม-สิงหาคม 2558
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์หยุดจ่ายก๊าซของพม่าตั้งแต่ช่วงวันที่ 10-27 เมษายน นี้ ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากแผนเดิมจำนวน 56.49 ล้านลิตร
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับลดค่าเอฟทีในงวดพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 นี้ มาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่สะท้อนจากต้นทุนราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งราคาน้ำมันได้ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง และส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีที่เรียกเก็บตั้งแต่ในงวดเดือนมกราคมถึงเมษายน ต่อเนื่องมาจนถึงงวดเดือพฤษภาคม-สิงหาคม 2558
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์หยุดจ่ายก๊าซของพม่าตั้งแต่ช่วงวันที่ 10-27 เมษายน นี้ ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากแผนเดิมจำนวน 56.49 ล้านลิตร